ผ่านไป 2 ปี การทุจริตโกงเงินทหารชั้นผู้น้อยต้นตอ ‘กราดยิงโคราช’ ยังลอยนวล มิหนำซ้ำยังได้เป็นใหญ่เป็นโตในกองทัพ ระบบรับเรื่องร้องเรียนเป็นระบบมาเฟีย ถ้าไม่ล้างบางระบบตั๋ว เส้นสาย พื้นที่ผลประโยชน์ดำมืด ปัญหานายพลเบียดบังงบประเทศ เอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อยก็จะดำรงอยู่ต่อไป
“ในเดือนกุมภาพันธ์, มีนาคม และเมษายนนี้ (ปี 2563) ตั้งแต่นายพลยันพันเอก ไม่มีงานทำแน่หลายคน และผมก็ไม่สนด้วย รู้สึกว่ามันไม่ถูก”
“ผมแก้ไข ไม่ใช่ไม่ทำ ไม่ใช่ผมพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ”
นี่คือคำกล่าวของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เคยลั่นวาจาไว้หลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงขึ้นที่โคราช แต่ในวันนี้เราได้ทราบจากกรณีที่เปิดเผยออกมาในสื่อมวลชนว่าตัวการต้นตอการทุจริตยังคงลอยนวล
1.- นายพลเหล่านี้ หาประโยชน์จาก “เงินกู้” ที่มาจากหยาดเหงื่อแรงกายของนายทหารชั้นผู้น้อยที่ต้องการจะมีที่อยู่อาศัย หักหัวคิวภายใต้ชื่อ “ค่าธรรมเนียมกองทัพ” เป็นจำนวน 5% คิดเป็นเงินไม่น้อยกว่ารายละ 75,000 บาท
2.- เท่านั้นไม่พอ ทหารชั้นผู้น้อยยังโดนหักเงินอีก 425,000 ซึ่งควรจะได้เป็นค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้านพัก ทำให้เงินกู้ที่ควรจะได้ 1,500,000 บาท ต่อคน ถึงมือกำลังพลจริงเพียงแค่ 1,000,000 บาท เท่านั้น
3.- จากข้อมูลที่เปิดเผยผ่านสื่อมวลชน นายทหารกลับใจที่เข้าร่วมขบวนการบอกกับพวกเราว่า
- เงินก้อนนี้ ภายใต้ชื่อ “สวัสดิการกองทัพบก” ถูกโอนต่อไปให้ เสธ.คนหนึ่ง ที่เป็นผู้อนุมัติผู้รับเหมาที่สามารถเข้าร่วมโครงการ และเสธ.คนนั้นจะส่งเงินกันต่อไปอีกกี่ต่อไม่ทราบ
- นายทหารที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้มีการเติบโตขึ้นไปเป็นลำดับและกำลังจะโตขึ้นเป็นตำแหน่งสำคัญในกองทัพบก
- ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนจากกำลังกำพลที่มาร้องเรียน เมื่อแจ้งความผิดปกติเข้าไปยังระบบรับเรื่องร้องเรียนของกองทัพ ผู้รับเรื่องร้องเรียนกลับเป็นคนที่กระทำความผิดเสียเอง ซึ่งทำให้เกิดการข่มขู่พยานและผู้ร้องเรียน
4.- นี่คือเหตุผล ที่พรรคก้าวไกลผลักดันให้กองทัพคืนที่ดินราชพัสดุให้กรมธนารักษ์ คืนธุรกิจของกองทัพที่ไม่โปร่งใสให้รัฐบาล ยกเลิกการฉาบหน้าธุรกิจดำมืดภายใต้ชื่อ “สวัสดิการกองทัพ” เพราะข้อเท็จจริงประจักษ์แล้วว่าสิ่งที่ฉาบหน้าว่าสวัสดิการ แท้จริงคือการเอาเปรียบทำนาบนหลังคน
5.- พรรคก้าวไกลเสนอให้ธนาคารของรัฐเป็นผู้พิจารณาปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของแทนที่จะเป็นนายพล เพราะปกติธนาคารคิดค่าธรรมเนียมการจัดการแค่ 1-2% เท่านั้น หรือไม่คิดเลยในบางกรณี แต่สำหรับกองทัพบกเล่นเก็บ 5% และไม่รู้ว่าเงินเข้าสู่ระบบหรือไม่ ซึ่งเราไม่รู้ไปเอาหลักคิดมาจากไหน
6.- นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องทำให้เข้มข้นขึ้นคือระบบตรวจสอบปราบปรามการทุจริตในกองทัพ มีผู้ตรวจการกองทัพที่เป็นพลเรือน ทำให้การใช้จ่ายของกองทัพโปร่งใสไม่ใช่ทำกันเองแบบพี่ๆ น้องๆ และต้องมีระบบคุ้มครองพยานไม่ให้คนที่เปิดเผยความไม่ชอบมาพากลต้องตกอยู่ในอันตรายใดๆ
เราหวังว่าเหตุการณ์โศกนาฏกรรมกราดยิงที่โคราชและหนองบัวลำภูจะเป็นกรณีสุดท้าย กองทัพไม่ปฏิรูปตัวเองไม่เป็นไร เพราะพรรคก้าวไกลจะเป็นคนเข้าไปปฏิรูปกองทัพในการเลือกตั้งครั้งหน้า
🔥ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า 🔥
🍊เปลี่ยนรัฐบาลไม่พอ ต้องเปลี่ยนประเทศ 🍊