เนื่องในโอกาสวันครูแห่งชาติในปีนี้ ผมและพรรคก้าวไกลขอนำเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาการศึกษาไทยที่เป็น quick-win ที่สุดอย่างหนึ่งคือนโยบาย “คืนครูสู่ห้องเรียน”
มีงานวิจัยของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ได้ทำการศึกษาเอาไว้ว่าใน 1 ปี มีวันเปิดเรียน 200 วัน แต่ครูต้องใช้เวลา 84 วัน หรือ 42% ไปกับงานนอกห้องเรียน
ปัญหาเรื่อง งานที่ดึงครูออกจากห้องเรียนถูกพูดถึงกันมานาน คำถามคือทำไมเรื่องนี้ถึงยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก้าวไกลจึงได้ตั้งโจทย์การทำนโยบายใหม่ ด้วยการที่ทีมนโยบายเราลงไปเก็บข้อมูลจากครูที่อยู่ล่างสุด คือครูผู้ช่วยบรรจุใหม่ ที่เงินเดือนน้อยที่สุด แต่ต้องรับภาระงานแทบจะมากที่สุดในโรงเรียน
ปัญหาที่คุณครูเล่าให้เราฟัง หลายเรื่องนักปฏิรูป หรือผู้บริหารจากส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาคอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก อย่างการจัดผ้า จับจีบ สร้างพิธีกรรมต้อนรับผู้บริหารกระทรวง หรือการเข้าเวรอยู่โรงเรียนในยามวิกาล แต่สำหรับครูระดับล่างสุดที่เป็นผู้ปฏิบัติงานที่ต้องรับผิดชอบห้องเรียน สิ่งเหล่านี้กินพลังงานและชั่วโมงการทำงานมหาศาล จนส่งผลกระทบกับการจัดการเรียนการสอน
เราจึงเห็นว่ามีอย่างน้อย 10 เรื่อง ที่เป็นปัญหาของครู แล้วถ้าเราเป็นรัฐบาล เราสามารถแก้ได้ทันทีเพื่อลดภาระงานครูและคืนครูสู่ห้องเรียน คือ
- ยกเลิกให้ครูเข้าเวร ทันที!
- ยกเลิกพิธีการ จัดจีบ จัดผ้า จัดโต๊ะ ตั้งบอร์ด ในการประเมินผล ทันที!
- ห้าม ผอ. ใช้ครูทำผลงาน ให้ครูประเมินผล ผอ. 360 องศา
- ลดงานธุรการครู เพิ่มงานบริหารให้ผู้บริหาร
- ระบบกรอกต่างๆ ต้องไม่ล่ม จบในระบบเดียว
- ยกเลิกการเขียนรายงานเมื่อไปอบรมหรือปฏิบัติราชการ
- เลิกการส่งครูไปอบรม! เปลี่ยนเป็นให้เงิน เพื่อให้ครูเลือกไปเรียนรู้แทน
- ห้าม! สพฐ. จัดอบรมในวันที่มีการเรียนการสอน
- ระบบรับเรื่องร้องเรียนตรงถึงรัฐมนตรี
- เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ ให้มากกว่า20,000+ บาท/เดือน
คืนครูให้นักเรียน: ยกเลิกให้ครูเข้าเวร ทันที!
ครูทุกท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันครับว่า การเข้าเวรเป็นเรื่องที่กินชีวิตมาก ตามระเบียบราชการแล้วสถานที่ราชการต้องมีเวรยามเฝ้าตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
เรื่องนี้เป็นปัญหามากโดยเฉพาะกับโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล ที่มีจำนวนครูน้อย ทำให้ครูต้องเข้าเวรตอนกลางคืนตลอดเกือบทุกวันโดยที่ไม่มีค่าล่วงเวลาให้และไม่สามารถมีเวลาชีวิตไปทำอย่างอื่นได้เลย
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล สิ่งที่เราจะทำคือ คือ การออกคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยกเลิกการบังคับให้ครูต้องอยู่เวร ให้ใช้วิธีอื่นในการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนตามความเหมาะสม เช่น ร่วมมือกับชุมชนและสถานีตำรวจ หรือสำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่แล้วก็ไม่ต้องให้เป็นภาระครูในการอยู่เวรซ้ำซ้อน
ยกเลิกพิธีการ จัดจีบ จัดผ้า จัดโต๊ะ ตั้งบอร์ดในการประเมินผล ทันที
สิ่งที่ครูทุกท่านพูดครงกันคือภาระงานนอกห้องเรียนที่ต้องเสียพลังงานไปมากที่สุดคือ การจัดอีเวนท์เพื่อต้องรับคณะกรรมการในการประเมินผล
กิจกรรมอีเว้นท์ที่ครูต้องจัด มีตั้งแต่การจัดโต๊ะ จับจีบผ้า ตั้งบอร์ดและแผ่นตั้งต่างๆ รวมทั้งหลายโรงเรียนมีการจัดเด็กมาทำการแสดงต้อนรับคณะกรรมการประเมิน
โรงเรียนที่ต้องการคะแนนประเมินที่ดีกลับต้องทำกิจกรรม “ผักชี” เหล่านี้ เช่น เมื่อต้องการประเมินผลโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียง การมีแปลงผักสวนครัว หรือเล้าไก่เลี้ยงสัตว์ ทำให้ได้คะแนนเพิ่มในการประเมิน
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะออกคำสั่งยกเลิกการจัดกิจกรรมที่ใช้แรงงานครูและเด็กโดยไม่จำเป็นในการประเมินผลทุกประเภท และต้องมีการคาดโทษสำหรับผู้ประเมินและผู้ถูกประเมิน ที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ยังปล่อยปะละเลยให้มีการจัดกิจกรรมที่สิ้นเปลืองแรงงานโดยไม่จำเป็นเหล่านี้
เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ให้มากกว่า 20,000+ บาท/เดือน
หลายท่านคงไม่ทราบว่า ทุกวันนี้เงินเดือนครูไม่ได้น้อยกว่าระดับค่าเฉลี่ยของอาชีพอื่นจากการผลักดันแก้ปัญหาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ฐานเงินเดือนครูที่เพิ่มขึ้นเพิ่มในช่วงกลางถึงปลายอาชีพ แต่สำหรับครูบรรจุใหม่บางท่านทำงานมามากกว่า 2 ปี เงินเดือนยังไม่พ้น 20,000 บาทเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ครูเหล่านี้ต้องแบกรับภาระงานมากที่สุดในโรงเรียน
สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำทันทีถ้าเราได้เข้าไปบริหารกระทรวงศึกษาธิการ คือต้องผลักดันให้ของครูบรรจุใหม่ทุกคน ได้รับ “ค่าตอบแทน” อย่างน้อย 20,000 บาทต่อเดือนให้ได้ ต้องไม่มีอีกแล้วการจ้างครูอัตราจ้างในเงินเดือนเรทต่ำกว่ามาตรฐาน
ลดงานธุรการครู เพิ่มงานบริหารให้ผู้บริหาร
ครูทุกคน นอกจากสอนประจำวิชาและเป็นครูประจำชั้นของนักเรียนแล้ว ยังต้องประจำแผนกงานบริหารของโรงเรียน ได้แก่ฝ่ายงบประมาณ ฝ่ายบริหารงานบุคคล ฝ่ายบริหารงานทั่วไป และฝ่ายวิชาการ ฯลฯ
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะตั้งเป้าหมายให้ผู้บริหารโรงเรียน ลดขั้นตอนงานธุรการที่ซ้ำซ้อนไม่จำเป็นลง โอนภาระงานมาให้เจ้าหน้าที่ธุรการโดยเฉพาะ และคืนครูสู่ห้องเรียนให้ได้ครับ
ยกเลิกการส่งครูไปอบรม เปลี่ยนให้เป็นเงินให้ครูไปเรียนรู้แทน
พรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนวิธีการในการตัดสินใจเข้ารับการรับการอบรม ให้มาอยู่ที่ฝั่งของครูและโรงเรียนแทนที่จะอยู่ที่ฝั่งของกระทรวงทำให้งบประมาณโครงการฝึกอบรมครูเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาครูจริงๆ
สิ่งที่รัฐบาลก้าวไกลต้องทำ คือ เปลี่ยนและเพิ่มงบประมาณในการอบรมพัฒนาครู ซึ่ง Think Forward Center เคยคำนวณเอาไว้ว่าอยู่ที่ 3,342 บาท/คน/ปี ให้เป็นเงินอุดหนุนตรงไปที่ครูและโรงเรียน ในการให้ครูและโรงเรียนสามารถเลือกสมัครเรียนสิ่งที่มีประโยชน์กับการพัฒนาการเรียนการสอนและทักษะวิชาชีพได้จริง หรือแม้แต่เป็นการอุดหนุนค่าเรียนต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอกของครูตามความต้องการของครูและสถานศึกษา
ระบบรับเรื่องร้องเรียนตรงถึงรัฐมนตรี
เราจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางอำนาจในระบบราชการ ที่เปิดให้คนที่มีอำนาจเหนือกว่าไม่ว่าจะเป็นอาวุโสหรือโดยการบังคับบัญชาใช้อำนาจในการเอาเปรียบคนที่มีอำนาจน้อยกว่า เช่น การใช้แรงงานครูในการช่วยงานทำผลงานประเมินผล ผอ. โรงเรียน หรือ การคุกคามทางเพศ ฯลฯ
ด้วยการมีกลไกให้บุคลากรทางการศึกษาทุกภาคส่วน เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องสามารถแจ้งร้องเรียนและรวบรวมหลักฐาน ตรงถึงสำนักงานรัฐมนตรีได้ทันที โดยต้องมีกระบวนการในการจัดการที่เชื่อถือ ได้โปร่งใส ยุติธรรม รวดเร็ว และให้ความปลอดภัยกับผู้ร้องเรียน
เรายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเข้าไปจัดการแก้ไข เพื่อลดภาระงานครู ไม่ว่าจะเป็น
👉ยกเลิกการเขียนรายงานเมื่อไปอบรมหรือปฏิบัติราชการ
เราสามารถลดภาระงานเอกสารของครูส่วนนี้ได้ทันทีด้วยการออกคำสั่งรัฐมนตรีและประกาศเป็นนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ให้ครูไม่จำเป็นต้องทำรายงานการปฏิบัติราชการเหล่านี้ ถ้าต้องการบันทึกประวัติก็สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่น เช่นมีใบรับรองการอบรม (Certificate)
👉ห้าม สพฐ. จัดอบรมวันที่มีการเรียนการสอน
การแก้ปัญหาเรื่องนี้ทำได้ทันที ด้วยการออกคำสั่งรัฐมนตรีและประกาศเป็นนโยบายกระทรวงศึกษาธิการห้ามเขตพื้นที่การศึกษาจัดอบรมในวันที่มีการเรียนการสอน การอบรมต่างๆควรจบในช่วงปิดเทอม หรืออบรมในวันเสาร์อาทิตย์ ที่ไม่มีการเรียน หรือใช้การฝึกอบรมหรือการส่งคลิปแบบออนไลน์แทน
👉ห้าม ผอ. ใช้ครูทำผลงาน ให้ครูประเมินผล ผอ. 360 องศา
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะห้ามใช้แรงงานครูและนักเรียนในการจัดฉากสร้างกิจกรรมช่วยประเมินผล ผอ.โรงเรียน และเปลี่ยนระบบการประเมินผล ผอ. ให้เป็นการประเมินแบบ 360 องศา ที่มีทั้งเกณฑ์คุณภาพโรงเรียน และการประเมินผลความพึงพอใจจากคนที่อยู่ในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง และครู
👉ระบบกรอกต่างๆ ต้องไม่ล่ม จบในระบบเดียว
ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่ครูต้องกรอกซ้ำซ้อนต่างๆ ให้เหลือระบบเดียว ทำระบบให้เสถียร วางแผนการเก็บข้อมูลให้สอดคล้องกับปฏิทินการศึกษา เช่น เก็บข้อมูลในช่วงของการเยี่ยมบ้าน ไม่ใช่ช่วงเริ่มปีการศึกษา ที่ครูต้องเตรียมแผนการสอน และปลายปีการศึกษาที่ครูต้องมีภาระงานในการตรวจข้อสอบและตัดเกรดของนักเรียน รวมทั้งงานอะไรที่เซ็นออนไลน์ได้ก็ให้เซ็นออนไลน์ ไม่ต้องมาเซ็นที่โรงเรียน
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของวิธีการแก้ปัญหาเท่านั้น จะแก้ปัญหาการศึกษาไทย เราต้องพลิกวิธีการปฏิรูปการศึกษาใหม่ จากเดิมที่เน้น การบอกว่าเราอยากทำอะไร ซึ่งนำไปสู่การเขียนแผน เขียนหลักสูตร เขียนกฎหมาย ออก พ.ร.บ. หรือตั้งหน่วยงานใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการอันฝันฟุ้งไม่รู้จบของบรรดานักปฏิรูป เปลี่ยนเป็นช่วยกันหาปิศาจในระบบการศึกษาที่อยู่ในชีวิตประจำวัน และจัดการกับปิศาจเหล่านั้นทันที ปีศาจคือปัญหาที่ครูระดับล่างสุดต้องเผชิญ ที่เด็กนักเรียนในห้องเรียนของโรงเรียนที่ขาดแคลนที่สุดต้องเจอทุกวัน