free geoip

กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

เลือกตั้งใหญ่ 2566 คือเวลาที่คุณต้องตัดสินใจ จะอยู่กับปัญหาเดิมๆ ที่เจอมาชั่วชีวิต หรือเลือกคนและพรรคที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก ครบทุกมิติปัญหา เปลี่ยนประเทศไทยให้ การเมืองดี | ปากท้องดี | มีอนาคต

ขอเชิญชวนผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยทุกคน มาร่วมอ่านและฟังเนื้อหาการปราศรัยของแกนนำพรรคก้าวไกล เพื่อให้ทุกท่านตัดสินใจ “กาก้าวไกล” ให้ “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(เนื้อหาจากกิจกรรมประชุมใหญ่สามัญพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา)


รับชมการถ่ายทอดสดเต็มๆ




อยากได้ประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี และ มีอนาคต ต้องเลือกพรรคก้าวไกล

พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล ขึ้นพูดเปิดในการแสดงวิสัยทัศน์และเปิดสโลแกนการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล “กา X ก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” โดยพริษฐ์กล่าวว่า ถ้าเราดูข่าวที่รวบรวมปัญหาประเทศย้อนหลังไป 20 30 40 50 ปีที่แล้ว จะพบว่าปัญหาที่กำลังเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เราเผชิญมาหลายสิบปี แต่ถ้าเราต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม พรรคก้าวไกลเท่านั้นคือคำตอบ


“ผมอยากชวนทุกคนคิดไปพร้อมกับผม ว่าในช่วงชีวิตคุณ ประเทศไทยเปลี่ยนไปจริงๆ แค่ไหน?”

พริษฐ์ตั้งคำถาม


ถ้าคุณอายุ 20 คุณเติบโตมาในช่วงที่ประเทศเกิดรัฐประหาร แต่ปัจจุบัน ผู้นำรัฐประหารคนนั้นก็ยังคงเป็นนายกฯ อยู่เหมือนเดิม ถ้าคุณอายุ 30-40 คุณเติบโตมาพร้อมกับระบบการศึกษาที่เน้นท่องจำ แต่ปัจจุบัน ในวันที่ทั่วโลกถกกันถึงผลกระทบของ ChatGPT ต่อการศึกษานักเรียนก็ยังเจอหลักสูตร-กฎระเบียบแบบเดิม ถ้าคุณอายุ 50-60 คุณเติบโตมาในช่วงที่ประเทศไทยขยับมาเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่ปัจจุบัน ประเทศเราก็ยังกำลังพัฒนาอยู่เหมือนเดิม ถ้าคุณอายุ 100 คุณคงเติบโตมาในช่วงที่ประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ปัจจุบัน เราก็ยังตอบไม่ได้ว่าอำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร

“การแก้ไขปัญหาแบบเดิม มันยังไม่ได้ผล มันยังไม่เพียงพอ แต่สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ ประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม ความฝันของพวกเราเป็นความฝันที่เรียบง่าย ความฝันที่อยากจะเห็นเราทุกคนมีกิน มีศักดิ์ศรี มีความหวัง ความฝันที่จะเห็นเราทุกคนมีสิทธิมีเสียง นอนหลับสนิท ตื่นมาแล้วมีพลังที่จะใช้ชีวิต ความฝันที่จะเห็นประเทศที่ การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต” พริษฐ์กล่าว


สุดท้าย พริษฐ์กล่าวว่า ถ้าเราอยากให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคต พร้อมๆกัน เราต้องไม่ไปต่อแบบเดิม แต่ต้องไปต่อด้วยประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม

“ผมเชื่อว่าพอเราบอกว่าก้าวไกลต้องการสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม สำหรับคนบางกลุ่มฟังดูผิวเผินเหมือนเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ผมอยากชวนทุกคนคิดในมุมกลับ ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือประเทศไทยแบบเดิมๆ ต่างหากที่ต้องคอยถาม ผบ.ทบ. ว่าจะมีการรัฐประหารไหม กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายแบบเดิมที่เปิดช่องให้จับคนไปขังคุกได้เป็นสิบๆปี เพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง เศรษฐกิจแบบเดิม ที่ 10% ของคน ครอบครอง 50% ของทรัพย์สิน และ 60% ของที่ดิน สวัสดิการ-การศึกษาแบบเดิม ที่เด็กต้องมาขอรับบริจาคหรือแข่งกันร้องเพลงเพื่อได้เรียนต่อ”


สุดท้าย พริษฐ์กล่าวปิดว่า ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ถ้าท่านคิดว่าประเทศไทยบอบช้ำกับปัญหาเดิมๆ มานานเกินไปสูญเสียโอกาสมามากเกินไป ประเทศไทยเราไปต่อแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว พรรคก้าวไกลอยากเชิญคุณเดินทางไปกับเรา สู่ประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม สู่ประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม สู่ประเทศไทยที่ การเมืองดี ปากท้องดี และ มีอนาคต





การเมืองดีก็เหมือนกับอากาศ มันคือสภาพแวดล้อมที่ดีที่จะทำให้เศรษฐกิจของเราเติบโตได้งอกงาม


“คนทำมาหากินไม่ต้องถูกเก็บส่วยรีดไถ ไม่ต้องรอออกใบอนุญาตจากราชการชั่วนาตาปี ไม่มีคู่แข่งที่อาศัยเส้นสายคนมีสี ศาลตัดสินตามหลักกฎหมาย ทุกคนสามารถพูดอย่างตรงไปตรงมาได้ว่าอะไรคือปัญหาที่สำคัญของประเทศ ลูกหลานไม่ต้องถูกคุกคามเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็นอีกต่อไป”

นี่คือส่วนหนึ่งของการปราศรัยของ รังสิมันต์ โรม ที่พูดถึงนโยบาย “การเมืองดี” ของพรรคก้าวไกล


แน่นอนว่าพวกเรายังย้ำจุดยืนเดิมในการสร้างการเมืองที่ดีให้เกิดขึ้นในการเมืองไทย โดยนโยบาย “การเมืองดี” ของเรามีเรือธง 5 นโยบาย ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียง คือ

(1) “หยุดรัฐประหาร ปฏิรูปกองทัพ” ยกเลิกสภากลาโหมที่ให้ผู้นำเหล่าทัพมีอำนาจเหนือรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง ลดขนาดกองทัพ ลดจำนวนกำลังพล ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คืนที่ดินกองทัพกว่า 6 ล้านไร่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ และยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกฎอัยการศึกชายแดนใต้

(2) “ตำรวจอยู่ข้างประชาชน หยุดรีดไถ” รับส่วย โดยพรรคก้าวไกลมีนโยบายในการทำให้ตำรวจต้องมีความยึดโยงกับประชาชน โดยให้มีผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีส่วนร่วมในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ให้มีกรรมการในแต่ละจังหวัดคอยประเมินผลงานตำรวจในจังหวัดต่างๆ ให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่แยกจากตำรวจอย่างเด็ดขาด จัดให้มีตำรวจหญิงประจำทุกโรงพัก ยกเลิกการตัดผมเกรียน และอบรมเรื่องสิทธิมนุษยชนให้แก่ตำรวจอย่างเข้มข้น

(3) “ราชการโปร่งใส ไร้ทุจริต” ผ่านการเปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนตรวจสอบได้ ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยสร้างระบบจับโกงอัจฉริยะ สร้างมาตรการคุ้มครองข้าราชการที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน ปฏิรูป ป.ป.ช. ให้ยึดโยงกับประชาชน

(4) “เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด” โดยพรรคก้าวไกลจะผลักดันให้เกิดการปลดล็อกท้องถิ่น ให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง รวมถึงแก้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในระดับท้องถิ่น รวมถึงให้เลือกตั้งนอกเขต และนอกราชอาณาจักรได้เหมือนกับเลือกตั้งทั่วไป

(5) “เปิดเพดานเสรีภาพ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” โดยพรรคก้าวไกลเสนอว่าต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่ถูกนำมาใช้ปิดปากหรือทำลายล้างผู้เห็นต่างทางการเมือง ทั้งมาตรา 112, 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ปฏิรูปสถาบันศาลให้มีความยึดโยงกับประชาชน ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังรับตำแหน่ง ให้การรับรองผู้พิพากษาและตุลาการจากศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ ต้องผ่านเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎร ให้มีคณะผู้ตรวจการศาลที่ขึ้นตรงกับสภา

“มีคนสองคนกำลังอดอาหารเพื่อเรียกร้องความปกติของสังคม ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทุกคน แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือประเทศนี้มอบความปกติให้กับพวกเขาไม่ได้ และเอาพวกเขาไปขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น พูด ตั้งคำถาม ประเทศนี้จะเดินหน้าต่อได้อย่างไรถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นเช่นนี้ ถ้าผู้พิพากษาไม่มีหัวใจเป็นของประชาชน และถ้ายังกฎหมายที่ปิดปากอยู่แบบนี้”

นี่คือคำถามของโรมถึงสังคมไทย





เราต้องการนโยบายปากท้องแบบใหม่: แก้เหลื่อมล้ำ-ยากจน-ปฏิรูปที่ดิน-แก้หนี้สินประชาชน

🔥 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางขุนเทียน ขึ้นปราศรัยเปิดนโยบาย “ปากท้องดี” ในการประชุมใหญ่สามัญพรรคก้าวไกล ในช่วงบ่าย โดยณัฐชากล่าวว่านโยบายปากท้องแบบเดิมแก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ เศรษฐกิจโตแต่ส่วนบนเพราะรัฐเอื้อทุนผูกขาด ชูนโยบายแก้ปากท้องครบเซ็ต ค่าแรง 450 ปรับตามเงินเฟ้อทุกปี-หวยใบเสร็จ SMEs-สร้างคมนาคมรถเมล์ไฟฟ้าทุกเมือง-รื้อระบบน้ำประปาทั้งประเทศ-รัฐสวัสดิการถ้วนหน้าไม่ต้องแย่งลงทะเบียน-ปฏิรูปที่ดิน ยึด ส.ป.ก.นายทุนเปลี่ยน เป็นโฉนดให้ชาวบ้าน-หนุนประชาชนติดโซลาร์ทุกหลังคา-แก้หนี้เกษตรถาวร


ที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจของประเทศจะมีการเติบโตอยู่ตลอด แต่ก็เป็นการเติบโตที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ เงินในกระเป๋าคนส่วนใหญ่ไม่ได้โตขึ้นด้วย แถมค่าครองชีพยังสูงขึ้นทุกวัน

“หนี้สินครัวเรือนที่มีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน อีกทั้งระบบสวัสดิการของรัฐก็เป็นสวัสดิการแบบสงเคราะห์ ประชาชนต้องพิสูจน์ความจนเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐ หากเป็นคนจนในชนบทหรือคนที่ประกอบอาชีพการเกษตร ก็ต้องอยู่ในสภาวะหนี้สินพอกพูน และยังถูกซ้ำเติมจากนโยบายรัฐในกรณีเกิดข้อพิพาทที่ดินรัฐอ้างประกาศมาทับซ้อนที่ดินชาวบ้าน ทำให้ประชาชนสูญเสียที่ดินทำกิน ถูกดำเนินคดี ถูกทำลายพืชผลการเกษตร”

ณัฐชากล่าว


พรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย :

(1) ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 450 บาททันที และให้มีมาตรการขึ้นทุกปีตามการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ พร้อมอุดหนุน SMEs แบ่งเบาภาระค่าแรงที่สูงขึ้นในช่วง 6 เดือนแรก โดยช่วยสมทบค่าประกันสังคมในส่วนของผู้ว่าจ้างที่ต้องจ่ายให้แรงงานที่ได้รับค่าแรงเพิ่ม

(2) หวยใบเสร็จเพื่อ SMEs ไทย ที่เมื่อประชาชนซื้อของจากร้าน SMEs เป็นมูลค่าครบ 500 บาท มีสิทธิแลกรับสลากกินแบ่งรัฐบาลทันที 1 ใบ เป็นการจูงใจเพิ่มยอดขายให้ SMEs ไทยมีแต้มต่อในการสู้กับทุนใหญ่

(3) จัดงบประมาณอุดหนุน 10,000 ล้านบาท ให้ประชาชนในทุกเขตเมืองในประเทศไทยมีรถเมล์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพใช้ในราคาถูก ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย

(4) ยกระดับคุณภาพน้ำประปาทุกที่ในประเทศไทยให้มีคุณภาพถึงจุดที่ดื่มได้ ผ่าน พ.ร.บ.น้ำประปา และการใช้งบประมาณ 7,500 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 8 ปี รวม 6 หมื่นล้านบาท เข้าไปปรับปรุงระบบการผลิตน้ำประปาทั่วประเทศ

(5) มุ่งขจัดความเหลื่อมล้ำ ผ่านนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่จัดสรรให้โดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนแย่งชิงกันอีกต่อไป เช่น คูปองรับขวัญ 3,000 บาท สำหรับแม่ของเด็กแรกเกิด เงินเลี้ยงดูเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี 1,200 บาทต่อเดือน เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทถ้วนหน้าโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นต้น

(6) นโยบายปฏิรูปที่ดิน เร่งรัดออกโฉนด 10 ล้านไร่ ยึดที่สปก.จากนายทุนและเปลี่ยน สปก.ชาวบ้าน เป็น โฉนดทันที รื้อกฎหมายที่ดินทั้งระบบ ปลดล็อคให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงสิทธิในที่ดินทำกิน เปลี่ยนสิทธิจากการครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์

(7) นโยบายโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ให้บ้านทุกหลังมีแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านได้ง่ายขึ้น ให้ประชาชนผลิตไฟใช้เองได้แหละหากเหลือก็สามารถขายคืนให้รัฐได้

(8) แก้ปัญหาหนี้เกษตรกรอย่างถาวร โดยการรับซื้อหนี้จากเกษตรกร เปลี่ยนพื้นที่เกษตรเป็นสวนป่า รัฐเช่าที่ดินจากเกษตรกรเพื่อปลูกไม้ยืนต้นและให้เกษตรกรเป็นผู้ดูแล โดยเกษตรกรจะมีรายได้จากค่าเช่าและค่าแรง แบ่งส่วนหนึ่งใช้หนี้ ธกส.

“พอกันทีกับนโยบายปากท้องแบบเดิมๆ คือบีบให้จนแล้วแจก กดให้โง่แล้วปกครอง ปล่อยให้ป่วยแล้วรักษา ใช้ภาษีที่รีดมาสร้างบุญคุณ เรากำลังอยู่กับปัญหาปากท้องแบบเดิมๆ ที่ต้องรอคอยโอกาสเหมือนฟ้าฝน ต้องให้ลุ้นการช่วยเหลือเหมือนส่งชิงโชค ต้องให้ประจานความจนจนกว่ารัฐจะพอใจ ถึงจะได้สวัสดิการขั้นพื้นฐาน เราต้องการนโยบายปากท้องแบบใหม่ และด้วยนโยบายปากท้องของพรรคก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

ณัฐชากล่าว





กา X ก้าวไกล เพื่อสร้างรัฐบาลที่ไม่เอามรดกบาปคณะรัฐประหาร


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงวิสัยทัศน์ปิดคนสุดท้ายในการประชุมใหญ่สามัญพรรคก้าวไกล โดยพิธากล่าวว่าประเทศไทยไม่ได้ต้องการผู้บริหารที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าซ้ำซากไปวันๆ แต่ต้องเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นโอกาสของอนาคต ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องปิดสวิตช์ 3ป. เอามรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมออกไป เพื่อเปิดไฟแห่งความหวังให้ประเทศไทย


โดยพิธา เริ่มต้นจากการแสดงของปัญหาพร้อมทั้งตั้งคำถามว่า มองเห็นอะไรในภาพ? เห็นรถเมล์ควันดำ นาแล้งซ้ำซาก และน้ำประปาที่ขุ่น หรือมองเห็นอนาคตของอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า ประเทศไทยที่ไปถึง net-zero carbon การผลิตโดรนการเกษตรผลิตโดยคนไทย เห็นสมาร์ทมิเตอร์ควบคุมคุณภาพน้ำ 24 ชั่วโมง เห็นการทำระบบประปาใหม่ทั้งประเทศ เห็นการจ้างงานในอุตสาหกรรมใหม่นับหมื่นงานที่เกิดจากซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมใหม่

“ประเทศไทยวันนี้ ไม่ได้ต้องการแค่ผู้บริหารที่แก้ปัญหาซ้ำซาก วนลูป ปะผุ แต่ต้องการคนที่สามารถเปลี่ยนปัญหาของอดีตเป็นโอกาสของอนาคต เปลี่ยนความเจ็บป่วยเรื้อรังของประเทศ เป็นรายได้และอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะพาธงไทยไปปักอย่างมียุทธศาสตร์ในเวทีโลก”


ในช่วงหนึ่งของการแสดงวิสัยทัศน์ พิธาหยิบสมาร์ทมิเตอร์น้ำประปา ที่เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคก้าวไกลในการผลักดัน พ.ร.บ. ประปาดื่มได้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าในการแก้ปัญหาน้ำประปา จะกลายเป็นโอกาสในการสร้างอุตสาหรรมต่างๆ ในอนาคตได้

“สมาร์ทมิเตอร์นี้ มีส่วนประกอบหลักๆ 80% ที่ผลิตในไทย ใช้วัสดุที่หาได้ในประเทศอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น กล่องมิเตอร์ที่ทำจากทองแดง ยางพาราและพลาสติกในการทำเสาส่งสัญญาณและที่ครอบ พลาสติกเรซินในการทำใบพัดมิเตอร์ ส่วนชิ้นส่วนอีก 20% ที่ไทยยังนำเข้าจากจีน คือชิป แผงวงจร และแบตเตอรี่ลิเธียม จะเป็นโอกาสในการสร้างดีมานด์เพื่อก่อเกิดซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เราจะทำให้ให้อุปกรณ์เหล่านี้”

พิธากล่าว

พิธากล่าวเพิ่มเติมว่า แต่สร้างงานอย่างเดียวไม่พอ งานที่ดีจะมีคนทำได้อย่างไรถ้าไม่มีคนที่มีศักยภาพตรงกับโลกยุคใหม่มารองรับประเทศไทยที่มีอนาคตก็เกิดขึ้นไม่ได้ ประเทศไทยจึงต้องปฏิวัติการศึกษาสร้างหลักสูตรใหม่ที่ทันโลก ลดเวลาเรียน ลดการบ้าน ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของครู ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมเด็กไทยให้มีทักษะที่เติมเต็มทั้งความฝันของเด็ก และความฝันของประเทศได้

“องค์ประกอบสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือการรับมือกับความท้าทายใหญ่ที่สุดของโลก ภาวะโลกร้อนจะเป็นความท้าทายมากที่สุดของทุกประเทศ ประเทศไทยตั้งเป้าเป็นประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 เป้าหมายนี้จะไม่เป็นจริงเลย หากรัฐบาลไม่กล้าชนกับกลุ่มทุน รัฐบาลก้าวไกลจะกำหนด cap and trade ให้มีเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็คงลดก๊าซเรือนกระจกในเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ COP26 ไม่ได้”


แต่สุดท้าย พิธาตั้งคำถามกับสังคมว่าประเทศไทยจะไปไกลกว่าเดิมได้อย่างไร ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ว่าประชาชนต้องเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการกำหนดอนาคตของประเทศ หากประเทศยังอยู่ภายใต้มรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยม 3ป.

“ถ้าประเทศไทยยังอยู่ภายใต้ 3ป. การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต จะกลายเป็น การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม ประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้อได้อย่างไร ถ้าการบริหารประเทศยังอยู่ในมือลุงแก่ๆ ไม่กี่คน อำนาจยังคงรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ ทรัพยากรยังกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มเดียว นี่คืออดีตที่เราต้องแก้ไขให้ได้เพื่อที่จะไปสู่อนาคต ดังนั้น เป้าของสังคมไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ปิดสวิตช์ 3ป. เพื่อเอาการเมืองกลับสู่สภาวะปกติของระบอบประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด” พิธากล่าว

พิธาขยายความต่อว่าถ้าคุณเห็นแบบเดียวกันนี้ สิ่งที่เราต้องทำมีอย่างน้อย 2 อย่าง คือ หนึ่ง เอาพรรคการเมืองของ คสช. ทุกพรรค ซากมรดก คสช. ออกจากอำนาจรัฐ เอาทหารออกจากการเมือง สอง เอา รธน ฉบับ คสช. ออกไป แล้วจัดทำ รธน ฉบับใหม่โดยประชาชน เริ่มต้นด้วยการทำประชามติใน 100 วันแรก เพื่อเขียนกติกากันใหม่ ไม่ยอมรับมรดกจากการรัฐประหารอีกต่อไป

“ผมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ปิดสวิตช์ 3ป. เพื่อสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม สร้างประเทศไทยที่การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องเดินไปกับพรรคก้าวไกล ทำประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม”

พิธากล่าวทิ้งท้าย


🔥 15 นโยบายเรือธงพรรคก้าวไกล

  1. ปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง
  2. ยกเลิกเกณฑ์ทหาร กองทัพห้ามยุ่งการเมือง
  3. หยุดส่วย รีดไถ เลิกตั๋ว เส้นสาย ตำรวจอยู่ข้างประชาชน
  4. รัฐโปร่งใส AI จับโกง คนแฉปลอดภัย ได้เงิน
  5. เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด
  6. คืนที่ดินประชาชน 10 ล้านไร่ เปลี่ยน สปก. นายทุน เป็นโฉนดให้เกษตรกร
  7. ขึ้นค่าแรงทุกปี เริ่มทันที 450 บาท
  8. หวยใบเสร็จ ซื้อของรายย่อย ลุ้นเงินล้าน
  9. สวัสดิการลดเหลื่อมล้ำ เด็กเล็ก 1,200 บาท/เดือน ผู้สูงวัย 3,000 บาท/เดือน
  10. หยุดเอื้อทุนใหญ่ ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/หน่วย
  11. รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด น้ำประปาดื่มได้
  12. สร้างงาน ซ่อมประเทศ 1 ล้านตำแหน่ง
  13. หลักสูตรใหม่ โรงเรียนปลอดภัย คืนเวลาสอนให้ครู
  14. เอาจริงกับโลกร้อน กำหนดเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  15. ปักธงไทยในอุตสาหกรรมชิป สร้างเทคโนโลยีของตัวเอง

Login

สินค้าลอตใหม่จะทยอยเข้าตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป สามารถสอบถามก่อนได้ที่โทร 02 8215874 (10.00-18.00 น. จ-ศ เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า