free geoip

หน้าที่เราต่อสมรสเท่าเทียมจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อทุกคนมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม


วาเลนไทน์ปี 2565 คน 2 คนเดินทางไปจดแจ้งชีวิตคู่ที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน เขาทั้งคู่ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะใช้วันแห่งความรักเป็นหมุดหมายเริ่มต้นชีวิตคู่

แม้ความรักของพวกเขาไม่ได้แตกต่างจากความรักของคนอีกหลายสิบล้านคนในประเทศนี้ แต่ข้อเท็จจริงที่ทราบอยู่แก่ใจ คือการจดแจ้งครั้งนั้น เป็นเพียงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ดูราวยอมรับการมีอยู่ของพวกเขา แต่ยังไม่มีผลในทางกฎหมาย พวกเขาไม่ได้รับสิทธิเทียบเท่าคู่สมรสชาย-หญิง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิรักษาพยาบาล สิทธิกู้ร่วม สิทธิรับมรดก

ผ่านไป 1 ปี และจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 972 วัน หลังจากพรรคก้าวไกลผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภา คู่รักคู่นี้ไม่ต่างจากคู่รักอีกหลายล้านคู่ ที่ยังไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน และข่าวร้ายที่มาเยือนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คือเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ไม่สามารถถูกพิจารณาได้ทันในสภาชุดปัจจุบัน

‘เตอร์’ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคนหนึ่งที่ผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ ถือโอกาสวันแห่งความรัก เล่าเรื่องที่เก็บอยู่ในใจมานานและไม่เคยเปิดเผยที่ไหน เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความกดดันรอบด้าน และการทรยศหักหลังในการทำงานเพื่อสมรสเท่าเทียม

“ช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้เพื่อจะได้ใช้ชีวิตคู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อคิดทบทวนว่าอะไรคือแรงขับเคลื่อนของความทุ่มเทตลอดการทำงานนี้ คำตอบคือเจตนารมณ์ที่อยากทำเพื่อพวกเรา LGBTQ+ และคู่ชีวิตของเตอร์ เราทั้งคู่หวังในกฎหมายฉบับนี้เหมือนเพื่อนๆ ทุกคน”


[ เจรจาประสา ‘นักการเมือง’ ]

เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นช่วงการทำงานใน กมธ. สมรสเท่าเทียมและคู่ชีวิต ตามขั้นตอนแล้วสมาชิกจะต้องเลือกประธานเป็นอันดับแรก จึงเกิดการพูดคุยร่วมกันของพรรคการเมืองทุกพรรค มีการเจรจาและรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ให้เสนอรายชื่อบุคคลที่สนับสนุนสมรสเท่าเทียมนั่งตำแหน่งประธาน เพื่อการพิจารณาที่ ‘ราบรื่น’ และลดปัญหาอุปสรรคให้น้อยที่สุด

การพูดคุยเป็นไปอย่างน่าพึงพอใจ แต่เริ่มมีกลิ่นไม่สู้ดีเมื่อถึงวันที่ต้องเลือกประธาน

เหตุการณ์ตื่นเต้นในวันนั้น เริ่มต้นด้วยกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากมารอทำข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพราะกระแสสมรสเท่าเทียมกำลังเป็นที่จับตาของประชาชนหลังผ่านวาะระที่ 1 มาสดๆ ร้อนๆ รออยู่สักพักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววจะได้เข้า ผลปรากฏว่า สุดท้ายนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องประชุม ทั้งนักข่าวและกรรมาธิการบางคนต่างพากันงง เรียกว่ากีดกันกันตั้งแต่เปิดฉากพิจารณาวันแรกเลยทีเดียว

มิหนำซ้ำผลลัพธ์การเจรจาเรื่องประธาน ยังไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ตำแหน่งประธานตกเป็นของรัฐมนตรี ดังนั้น มีโอกาสที่กฎหมายคู่ชีวิตซึ่งเสนอโดย ครม. จะมีภาษีเหนือกว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม เราต้องรับผลที่เกิดขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ ที่สำคัญคือเราต้องวางแผนการพิจารณากฎหมาย ให้คงไว้ซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามร่างที่พรรคเสนอไว้ให้ได้

เราคงไม่สามารถไว้วางใจใครในการเจรจาตกลงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ การตกปากรับคำ ไม่ได้แปลว่าจะทำตามที่ตอบรับเสมอไป ดังเช่นสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร”


[ อคติเต็มใบ ]

หลังจากเจรจาเลือกประธานไม่สำเร็จ ณธีภัสร์เสนอให้มีการไลฟ์สดการประชุม กมธ. เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่ก็เหมือนเคย ถูกปฏิเสธอีกครั้ง “เดี๋ยวประชาชนจะรู้ว่าเราแสดงความเห็นอะไรกัน” คือเหตุผลที่กรรมาธิการคนหนึ่งได้ชี้แจงไว้

การพิจารณากฎหมายใน กมธ. สมรสเท่าเทียมฯ นี้ เป็นหน้าที่ที่โหดและท้าทายมาก ถ้าให้เปรียบอาจจะเหมือนการออกรบ เพราะนอกจากจะต้องพิจารณาปรับแก้ทุกฉบับ รายมาตรา ทั้งหมด 4 ฉบับแล้ว ยังต้องต่อสู้กับเหล่ากรรมาธิการที่พก ‘อคติ’ และผลประโยชน์แอบแฝงมาอย่างเต็มพิกัด

พรรคก้าวไกลเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนมาร่วมรบหลายคน แต่ละครั้งเราจะกำหนดทิศทางการประชุมให้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่สุด พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือให้สมรสเท่าเทียมคงไว้ซึ่งสิทธิและหน้าที่ที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ โดยเท่าเทียมและปราศจากข้อยกเว้น

อยากให้ทุกคนเห็นภาพการประชุมแบบละเอียด สมาชิก กมธ. ที่ได้รับการแต่งตั้งมีทั้งหมด 25 คน มีสัดส่วนจาก ครม. และจากพรรคการเมือง 9 พรรค ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล สัดส่วนจำนวนคนแตกต่างกันไปแล้วแต่พรรค พวกเราประชุมอาทิตย์ละสองวัน ตามระเบียบแล้วมีการกำหนดองค์ประชุม องค์ประชุมที่ครบตรวจนับจากลายเซ็น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สมาชิกจะปรากฏตัวที่ห้องประชุมเพื่อเซ็นชื่อ แต่ไม่สามารถร่วมประชุมได้เพราะ ‘ติดภารกิจ’ บ่อยครั้งที่สมาชิกที่ร่วมประชุมด้วยกันจริงๆ มีไม่ถึงครึ่ง สมาชิกบางคนไม่เคยเข้าร่วมประชุม ขณะที่สมาชิกบางคนใช้เวลาเข้าร่วมไม่ถึงสิบนาที

มีสมาชิกอยู่คนหนึ่งที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ ร่วมประชุมด้วยกันไม่ถึง 5 ครั้ง แต่ละครั้งจะเปิดประเด็นที่สร้างความล่าช้าให้การทำงาน ด้วยความไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของสมรสเท่าเทียม หรืออาจจะเข้าใจแต่พยายามขัดขวางสมรสเท่าเทียม และยัดเยียด พ.ร.บ.คู่ชีวิตแทน โดยอ้างว่า ‘คู่ชีวิต’ นั้นได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อกลุ่มคนที่ไม่ใช่เพศปกติ ที่ไม่ใช่ ‘ชาย-หญิง’ ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ควรพอใจในกฎหมายฉบับพิเศษฉบับนี้ ไม่ควร(มีสิทธิ์)เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม

ส่วนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ไม่สมควรมีใครอาจเอื้อมไปแตะต้อง ควรสงวนกฎหมายนี้ไว้เพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศเท่านั้น “อย่าเอาคนเพียงสิบเปอร์เซ็นต์มาทำลายวัฒนธรรมครอบครัวของคนทั้งประเทศ” คือประโยคที่ทำให้หลายคนอึ้งไป มันช่างขัดแย้งกับองค์ความรู้ทางกฎหมายที่ผู้พูดอ้างว่าตนมีเหลือเกิน ทำไมกฎหมายที่มีเพื่อประชาชน ถึงแก้ไขโดยประชาชนไม่ได้

ในช่วงสุดท้ายของการพิจารณา บุคคลคนนี้ สงวนตัดทุกมาตราของสมรสเท่าเทียม เป็นคนเดียวที่กระทำการนี้โดยไม่ลังเล

ตั้งแต่ต้นจนจบการทำงานของ กมธ. ณธีภัสร์มั่นใจว่า บุคคลคนนี้พกอคติต่อความเท่าเทียมมาล้นปรี่ จนทะลักออกมาทางคำพูด บุคคลคนนี้คือตัวอย่างของนักการเมืองที่ไม่เปิดใจรับฟังประชาชน ถือมั่นในทัศนคติแบบเดิม ไม่เข้าใจความเสมอภาคและหลักของสิทธิมนุษยชนแม้แต่น้อย


[ ก้าวพลาด ]

โอกาสรอดของสมรสเท่าเทียม คือการหาทางให้กฎหมายได้เข้าสู่วาระการประชุมให้ทันสมัยนี้ หลังจากจบการทำงานชั้นกรรมาธิการแล้ว เราต่างเฝ้ารอวันที่กฎหมายจะกลับเข้าสู่สภาอีกครั้ง

ณธีภัสร์และพรรคก้าวไกล คิดยุทธศาสตร์ได้ว่า ทางออกนั้นคือการขอให้สภาเลื่อนวาระสมรสเท่าเทียมขึ้นมาพิจารณาก่อน ยอมรับว่าพวกเราค่อนข้างกังวลกับแผนการนี้ เพราะรู้ดีว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลไม่น่าจะยอมให้เราแซงได้ง่ายๆ ด้วยข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบและผลประโยชน์ทางการเมือง

จังหวะทางการเมืองช่วงนั้นประจวบเหมาะกับพรรคฝ่ายรัฐบาลต้องการนำร่าง พ.ร.บ. กัญชาฯ ขึ้นพิจารณาก่อน เราจึงอาศัยจุดนี้เจรจาผลักดันจนสมรสเท่าเทียมได้เลื่อนขึ้นไปตามแผน แต่ต้องต่อหลัง พ.ร.บ.กัญชาฯ

ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเจรจาครั้งนั้น คือการยึดถือผลประโยชน์ของพรรคการเมือง หรือเพื่อประชาชนเป็นหลัก เราต้องจำใจยอมรับเพื่อต่อลมหายใจให้สมรสเท่าเทียม ตอนนั้นเรายังมีหวัง เพราะหากเป็นสถานการณ์ปกติ คำนวณเวลาที่เหลืออยู่ สมรสเท่าเทียมจะเข้าสภาทันแน่นอน

แต่ พ.ร.บ.กัญชาฯ เจ้าปัญหานี้ ถูกใช้เป็นข้อต่อรองทางการเมือง และอย่างที่ทุกคนรู้กันว่ามีการเล่นเกมส์ ‘สภาล่ม’ จนหมดเวลาสภาชุดนี้ไปในที่สุด สมรสเท่าเทียมจึงต้องหยุดพักชั่วคราว รอการเดินทางต่อหลังการเลือกตั้งปีนี้


[ สมน้ำหน้า ]

เดือนมกราคม 2566 ณธีภัสร์พยายามพูดคุยหารือกับนักการเมืองหลายคน เพื่อให้สมรสเท่าเทียมเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 ให้ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดถากถาง “ทำใจซะ” ทั้งๆ ที่อธิบายแล้วว่ามันยังเป็นไปได้ และที่เลวร้ายไปกว่านั้น มีนักการฝ่ายรัฐบาล ฝากคำเยาะเย้ยมาว่า “สมน้ำหน้า อยากเอาไปพ่วงต่อกับกฎหมายกัญชาเอง”

ประโยคที่สื่อถึงเจตนาร้ายเช่นนั้น ตอกย้ำถึงความบกพร่องและเสื่อมถอยของการทำงานของพรรคการเมือง และบ่งบอกถึงคุณสมบัติเฉพาะตัวของนักการเมืองส่วนใหญ่ ที่ต้องการถือครองสิทธิ เลือกออกกฎหมายเฉพาะฉบับที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง แต่ละเลยกฎหมายฉบับที่เป็นธรรมต่อประชาชน และหนึ่งในนั้นคือกฎหมายสมรสเท่าเทียม

แม้ว่าต้องเผชิญกับเหตุการณ์บั่นทอนจิตใจเหล่านี้ แต่ณธีภัสร์ยืนยันว่า “จะไม่ยอมหมดหวัง”

22 มกราคม เขาพูดกับตัวเองว่า “ถ้าไม่ลองทำวันนี้ จะรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต” จากนั้นเดินหน้าขอเข้าพบประธานสภาฯ โดยตั้งเป้าเพื่อขอคำอนุมัติให้เพิ่มวันพิจารณากฎหมาย ให้สมรสเท่าเทียมได้รับบรรจุเป็นวาระด่วน ซึ่งมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานและการได้รับฉันทามติจากทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยต้องคำนึงถึงความจำเป็นและผลกระทบของกฎหมายเป็นอันดับแรก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ประธานไม่อนุญาตในตอนแรกโดยให้เหตุผลว่า ต้องเป็นไปตามวาระ และแนะนำเพิ่มเติมว่า ให้ทุกคนร่วมกันรักษาองค์ประชุม กฎหมายกัญชาจะได้จบลงตามกำหนดการ แต่ก็น่าแปลกที่กฎหมายจากฝั่งรัฐบาลกลับได้รับการบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนและเพิ่มวันพิจารณาอย่างรวดเร็ว เช่น พ.ร.บ.ศาลภาษี หรือ พ.ร.บ.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

ด่านแรกไม่สำเร็จ จึงไปต่อด่านสอง พยายามติดต่อทุกคนที่จะช่วยให้ภารกิจนี้ลุล่วงได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่มีคนไหนเสี่ยงทำหน้าที่ที่ไม่ได้รับมอบหมายเช่นนี้ รอบนี้ไปดักรอหน้าห้องประธาน จนได้พูดคุยกันอีกครั้ง โดยได้รับการช่วยประสานงานจากบุคคลคนหนึ่ง หลังจากอธิบายโน้มน้าวในสิ่งที่เป็นไปได้ ในที่สุด ประธานยอมเพิ่มวันพิจารณาให้สมรสเท่าเทียม โดยมีเงื่อนไขว่า ให้เจรจาหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล เมื่อได้ข้อสรุปให้ส่งเรื่องอีกครั้ง

การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้น แต่โชคร้าย ไม่มีฝ่ายใดเห็นด้วยกับคำร้องนี้ สิ่งที่ทำได้ ณ เวลานั้น คือน้อมรับในความพ่ายแพ้ และเคารพกติกา


[ ความเหลือเชื่อ ]

ณธีภัสร์รวบรวมคำพูดและการกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน กมธ. ที่ทำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจและไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้รับรู้

กรรมาธิการบางคน เรียก LGBTQ ไม่ถูก ไม่รู้ว่าคือตัวย่อของอะไร ยังสารภาพอีกด้วยว่า เคยได้ยิน แต่ไม่รู้ว่ามีความหมายอะไร เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า กลุ่ม ‘ไม่รู้’ ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่ม ‘นิยมปิตาธิปไตย’ ผู้ชายอยู่เหนือเพศอื่นโดยสิ้นเชิง และมีโอกาสที่จะเข้าถึงสิทธิได้ ขณะที่เพศอื่นต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่า กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่ม ‘ขี้หวง’ หวงแหนคำว่า ‘สามี-ภรรยา’ เทิดทูนคำเหมือนเป็นของขลัง ต้องการให้คำนี้คงอยู่ในกฎหมายทุกฉบับ ไม่ยินยอมให้ใครมาร่วมใช้นอกจากเพศหญิงและชาย แถมยังเสนอแนะให้พวกเราไปหาคำอื่น เช่น ‘คู่ชีวิต’ มาใช้แทน

สุดท้าย ขอบคุณกรรมาธิการ ที่ปรึกษา และ ส.ส. บางคน แม้จะเป็นส่วนน้อย ที่อยู่ข้างเดียวกับประชาชน ต่อสู้กับอคติและความเกลียดชังอันแรงกล้า ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ร่วมประชุมด้วยกัน

สมรสเท่าเทียมโดนอุปสรรคซัดกระหน่ำมาโดยตลอด ข้อเท็จจริงที่สรุปได้คือ ‘เวลา’ จะช่วยให้ผู้ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพวกเรา เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพวกเราได้ในที่สุด การส่งสารของพลังมวลชน ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และสันติวิธี จะนำเสรีภาพและความเสมอภาคมาสู่พวกเราทุกคน

“หน้าที่ในสภาของเตอร์ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว แต่หน้าที่ต่อสมรสเท่าเทียมจะสิ้นสุดลง เมื่อทุกคนมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมใช้อย่างเป็นทางการ”


อ่านเรื่องราวของณธีภัสร์ได้ที่ https://www.facebook.com/nateepat.kulsetthasith/posts/pfbid02yBGrVPZN1nDTYkMVD32WMgL8zx68tYCkWcNAxXayhndsqNP2JKqsVVzR9z9ZedMcl


สื่ออิเล็กทรอนิกส์ของพรรคก้าวไกลนี้ ได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
ผลิตโดย บริษัท สเปกเตอร์ ซี จำกัด จำนวนที่ผลิต 1 ชิ้น งบประมาณ 3,000 บาท ผลิตวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566

Login

สินค้าลอตใหม่จะทยอยเข้าตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป สามารถสอบถามก่อนได้ที่โทร 02 8215874 (10.00-18.00 น. จ-ศ เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า