เมืองปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นเมืองด่านชายแดนไทย – มาเลเซีย ที่เคยคึกคักมาก ทั้งการเป็นด่านส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าลำดับต้นๆ ของภาคใต้ และด่านข้ามแดนที่เคยมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเข้ามาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคัก จึงทำให้เศรษฐกิจของทั้งจังหวัดสงขลาเติบโตไปด้วย แต่โควิด-19 ทำให้ทั้งไทยและมาเลเซียต้องเปิดปิดด่านอย่างระมัดระวัง จนปาดังเบซาร์ซบเซาลง
ธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 จังหวัดสงขลา พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่อำเภอปาดังเบซาร์ รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่เศรษฐกินชายแดนที่ซบเซาลง คนที่เคยเดินทางไปรับจ้างทำงานในมาเลเซียที่ขาดแคลนรายได้
ธิวัชร์ เห็นว่า การช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินต่อได้ยังมีไม่เพียงพอ เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน และตนจะขอเป็นปากเสียงในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“ปาดังเบซาร์และพื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง หากได้รับการส่งเสริมและมีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ชัดเจนถูกทิศทาง เชื่อว่าจะไปได้ไกลกว่านี้ ภาคใต้ของเราเป็นภูมิภาคที่ถูกละเลยจากการพัฒนามานาน แต่พอพัฒนาก็เลือกพัฒนาเฉพาะที่ได้ประโยชน์กับนายทุนใหญ่ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนพื้นที่อย่างแท้จริง เห็นได้จากกรณีนิคมอุตสาหกรรมจะนะ หรือการสร้างเขื่อนแข็งทำลายชายหาดต่างๆ พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ทิศทางการพลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้ของเราจะไม่ใช่แบบนี้ จะไม่เป็นการพัฒนาที่เติบโตเฉพาะตัวเลข แต่คือการเติบโตอย่างเข้มแข็งของประชาชนด้วยการคืนสิทธิการดูแลและบริหารจัดการทรัพยากรกลับไปให้ท้องถิ่นเป็นเจ้าของ”
ธิวัชร์ กล่าว
ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปพบปะทักทาย รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เขต 6 ธิวัชร์ มองเห็นแววตาแห่งความหวังกำลังใจที่ทุกคนมอบให้ สิ่งที่ได้รับคือพลังและทำให้มั่นใจว่าหน้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองภาคใต้จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้
“ไม่ว่าจะมองมุมไหน รัฐบาลนี้ไม่อาจบริหารประเทศได้อีกแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดคือเอาพวกเขาออกไปโดยเร็วก่อนจะสร้างความเสียหายมากกว่านี้ การเลือกตัวแทนจากพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน คือพลังที่จะสะท้อนและตอกย้ำความล้มเหลวของรัฐบาลในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร แต่ละเสียงของพวกเราในสภาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หมายถึงอายุของรัฐบาลที่ลดลง ขณะนี้เกิดการแบ่งกลุ่มก๊กสู้รบขัดแย้งกันกันในพรรคหลักและพรรคร่วมอย่างรุนแรง ทำให้รัฐบาลนี้กำลังกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา”
“จากการที่ผมลงไปรับฟังปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ในช่วงที่หาเสียงการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ เราพบหลายปัญหาจากการที่รัฐบาลทำไว้แบบค้างๆ คาๆ แทนที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์กลับเป็นเพียงโครงการใช้งบประมาณแบบทิ้งขว้าง หากเรามีเสียงในสภาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะตัวผมเองหรืออีก 2 พื้นที่เลือกตั้งซ่อมทั้งในจังหวัดชุมพรและกรุงเทพฯ ขณะนี้ จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมากในการตรวจสอบรัฐบาล เราจะสามารถเร่งขันน็อตประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพลังของพวกเราในสภาและประชาชนร่วมมือกันกดดัน เชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้จะต้องหมดอายุลงก่อนกำหนด เพื่อเปิดทางให้ประชาชนเลือกการเมืองใหม่ที่เป็นความหวังมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน”
