ก้าวไกลจัดเต็ม! “พิธา” นำทีม ส.ส. ขึ้นเวทีปราศรัยหนุน “เพชร กรุณพล” เข้าสภา – เจ้าตัวลั่นพร้อมพุ่งชนต้นตอปัญหา สร้างความเปลี่ยนแปลง จตุจักร-หลักสี่ ด้าน “ชัยธวัช” ชี้ประสบการณ์ที่พรรคมีคือความลำบากร่วมกันของคนธรรมดา
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 22 มกราคม 2565 ที่ลานกีฬาชุมชนเสนานิคม 2 เขตจตุจักร พรรคก้าวไกลจัดปราศรัยใหญ่สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตจตุจักร-หลักสี่ โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส. ของพรรค อาทิ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ พร้อมด้วย อภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร ขึ้นเวทีปราศรัย ร่วมรณรงค์หาเสียงให้กับ เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เบอร์ 6 ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น โดยตลอดทั้งวัน ทีมงานของพรรคได้เดินทางพบปะประชาชนในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนการเคหะทุ่งสองห้อง, ชุมชนศิษย์หลวงปู่ข่าว เขตหลักสี่ รวมถึงชุมชนโรงสูบน้ำ แขวงลาดยาวเขตจตุจักร ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“เพชร กรุณพล” พร้อมทำหน้าที่ในสภา -พุ่งชนต้นตอปัญหา – สร้างความเปลี่ยนแปลง
กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เบอร์ 6 กล่าวในการปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่มีนายทุนคนใดผูกขาด เป็นที่รวมของคนหลากหลายสาขาอาชีพ และด้วยผลงานการแก้ปัญหาตามระบอบรัฐสภา ก็เหมือนเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้กับตนเองและประชาชนทุกคน แต่วันหนึ่งแม้พรรคถูกยุบ แต่เมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงไปได้งอกมาเป็นพรรคก้าวไกล ซึ่งเมื่อตนทราบข่าวนี้ สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือเดินไปสมัครที่พรรค เพราะมันเป็นความอัดอั้นใจ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็อึดอัดใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในประเทศนี้ เราเห็นคนลำบากมามากไปแล้ว เราเห็นอนาคตของชาติถูกขังอยู่ในเรือนจำเพียงเพราะออกมาเรียกร้องอนาคตของเขา เพียงเพราะเขาออกมาเรียกร้องเสรีภาพในการพูด วันนี้ ประชาชนที่เจอได้บอกให้ช่วยส่งเสียงหน่อยว่า ก่อนนี้เขาเคยมีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บ วันนี้ขายรถไปแล้ว เงินเก็บไม่มีสักบาท มองไม่เห็นอนาคต ไม่รู้ลูกจะอยู่อย่างไร ซึ่งวันนี้ ตนเป็นคนตัวเล็กๆ แต่ก็อยากจะมีสิทธิ์ที่ทำให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ หลายคนที่อยู่ตรงนี้เคยคิดว่าเราจะอยู่กันไปอย่างไร ทุกวันนี้เราลำบากมาก แล้วยิ่งลูกหลานของเรา วันข้างหน้าเขาจะอยู่อย่างไร มีเด็กคนหนึ่งมาบอกให้สู้ๆ สู้ให้ชนะ หนูยากกลับไปเรียน ถามว่าเพียงพอหรือยังกับการที่ลูกหลานเราต้องอยู่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่มีเพื่อน เพียงพอหรือยังกับการบริหารที่ผิดพลาด ไม่มีวัคซีนเพียงพอ ประชาชนไม่ได้ใช้ชีวิตปกติ เศรษฐกิจไม่เปิด สิ่งที่รัฐบาลบอกเราคือว่าเราเป็นประเทศยากจน ไม่มีเงินแก้ปัญหาให้ประชาชน ไม่ว่าจะวิกฤตโรคระบาด วิกฤตเศรษฐกิจ แต่เรากลับได้เห็นว่ากระทรวงกลาโหมและคณะรัฐมนตรี ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบซื้อเครื่องบินรบ เขาให้เราไม่ได้ แต่เขาเอาไปใช้กับการซื้ออาวุธได้
“ผมคิดว่า ประเทศเรามีงบประมาณเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น พรรคก้าวไกลและผมเห็นตรงกันว่า เราต้องการให้ประชาชนมีเสรีภาพ ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน การสาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการถ้วนหน้าต้องเกิดขึ้น พรรคก้าวไกลจึงส่งผมมาเป็นผู้สมัคร ส.ส. หลายคนอาจจะมองว่าผมเป็นดารา แต่อยากย้ำว่า ดาราเป็นเพียงอาชีพที่ใช้ทำมาหากิน แต่ดาราคนนี้เรียนจบเศรษฐศาสตร์ ดาราคนนี้เคยทำธุรกิจ และดาราคนนี้พร้อมเข้าไปด่า พล.อ ประยุทธ์ในสภา ถึงเวลาแล้วที่เราจะไม่ประนีประนอม ไม่พูดจาดีๆ กับคนที่ไม่มีเหตุผล ถึงเวลาแล้วกับการพุ่งชนต้นตอปัญหาอย่างดุดัน เราไม่ก้าวร้าว เราจะก้มโค้งให้ประชาชนแต่จะยืนตรงต่อหน้าเผด็จการ พรรคก้าวไกลมี ส.ส.ที่เป็นแรงงาน อาจารย์ วิศวกร และวันนี้พรรคก้าวไกลกำลังจะมี ส.ส.ที่เป็นดารา แต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเสียงของพี่น้องประชาชนในวันที่ 30 มกราคมนี้ ที่จะบอกว่าเราจะไม่ทน เราต้องการความเปลี่ยนแปลง”
“พิธา” เผยสิ่งที่จะทำหากก้าวไกลเป็นรัฐบาล – ปลุกประชาชนสร้างความเป็นไปได้ เลือก “เพชร กรุณพล” ไปเปลี่ยนแปลง
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ อาจเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่จะเป็นทิศทางว่าประเทศจะเป็นอย่างไร จะเดินไปสู่อนาคตหรือวนเวียนกับอดีต ถามว่าหน้าตาของประเทศที่มีพรรคก้าวไกลนำจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร บอกได้เลยว่าเราจะเปลี่ยนงบกองทัพให้เป็นงบของพี่น้องประชาชนให้ได้ ให้เป็นงบของเศรษฐกิจฐานราก เราจะนำเสนอรัฐสวัสดิการให้กับคนทุกๆ ไม่ว่าจะเด็ก วัยที่กำลังเติบโต หรือผู้สูงอายุ ก็ต้องได้สวัสดิการจากรัฐ พวกเราจะเข้าไปต่อสู้กับความยากจน จะไปต่อสู้กับสังคมสูงวัย หมดเวลาแล้วที่ไปไหนมาไนเจอแต่ผู้สูงอายุ เจอผู้ป่วยติดเตียงอยู่กับบ้าน เราจะจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุที่เขาสู้มาก่อนพวกเรา ไม่ควรมีใครคนไหนต้องลาออกเพื่อต้องมาดูแลปู่ย่าตายาย ขณะเดียวกันถ้าท่านเป็นลูกหลานที่ต้องการดูแล รัฐบาลก็ต้องมีเงินให้ในฐานะผู้ดูแลผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน การที่เราจะสู้กับสงครามความยากจน สงครามสังคมผู้สูงวัย แม้ว่าจะใช้งบประมาณมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความยากจนของประเทศนี้จะหมดไปจริงๆ เศรษฐกิจจะเติบโต การบริโภคจะสูงขึ้น นอกจากนี้ ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะพัฒนาบ้านราคาประหยัดให้พ่อแม่พี่น้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่การจ้างงานจะต้องเกิดขึ้น งบประมาณเหล่านี้เอามาจากงบกองทัพ มาสร้างงานให้พี่น้องประชาชนได้ กองทัพต้องได้รับการปฏิรูป จำนวนนายพลจะลดลงทันที 25% เราจะยืนเคียงข้างอยู่กับทหารชั้นผู้น้อยให้ความมั่นคงกับครอบครัวเขาเท่ากับความมั่นคงของชาติเรา เขาไม่ควรต้องเสียสละเพียงเพราะมีเจ้านายห่วยๆ เพียงไม่กี่คน นี่คือความฝันของตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
“ผมเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดี ซ่อมได้ด้วยสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว แต่เราต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ อยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ สำหรับพี่น้องประชาชนที่ยากลำบากในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจปั่นป่วน โรคระบาด ท่านอาจเหนื่อยและอาจคิดว่าที่ผมพูดมาเป็นไปไม่ได้ บางคนบอกว่าเป็นแบบนี้มานานแล้วไม่เปลี่ยนสักที แต่ผมเห็นว่า ก็เหมือนกันกับตอนที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อพรรคถูกยุบถูกส่งต่อมาเป็นพรรคก้าวไกล ถามว่าวันนี้เป็นอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งความเป็นไปได้นี้ไม่ใช่เพราะผมเพียงคนเดียว แต่เพราะทุกคน แม้อาจจะยาก เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าเราทำด้วยกันมันจะเป็นไปได้ เราเดินมาไกลกันแล้ว มาไกลเพราะพี่น้องทุกคน การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้เพราะทุกท่านร่วมมือกับ ส.ส.ของท่านในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่มีอะไรที่จะมีพลังเท่ากับการรวมตัวของสามัญชนคนธรรมดาอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ และพวกเรา ส.ส. เราทุกคนจะยังหยุดไม่ได้ สัปดาห์หน้าเราจะเดินเคาะประตูทุกบ้าน รับฟังทุกปัญหา และพาเพชร กรุณพล เข้าสภา วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ จตุจักร-หลักสี่จะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม เปลี่ยนประเทศไทย และเปลี่ยนโลกนี้ไปด้วยกันครับ”
“ชัยธวัช” ลั่น ประเทศไทยต้องการ ส.ส. ที่มีกระดูสันหลัง – ชี้ประสบการณ์ก้าวไกลคือประสบการณ์ร่วมของคนธรรมดา
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่าการที่พรรคก้าวไกลเสนอ เพชร กรุณพล เป็นผู้สมัคร ส.ส. ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นดารา ไม่ใช่เพราะเขาเติบโตในเขตนี้ หรือไม่ใช่เพราะเขามีความรู้ความสามารถเท่านั้น แต่ เพชร กรุณพล พิสูจน์การทำงานกับพวกเรามานานตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ในฐานะอาสาสมัคร และทันทีที่พรรคถูกยุบโดยคำสั่งผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ เขาไม่ลังเลจะยืนหยัดกับพวกเราต่อด้วยการมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ก่อนหน้านี้ เพชร กรุณพล เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่อยู่ระหว่างการสรรหา ซึ่งระหว่างนั้นเขาได้ถูกทาบทามไปอยู่พรรคอื่น มีข้อเสนอมากมาย ทั้งงบประมาณ ตำแหน่งทางการเมืองให้ แต่เพชร กรุณพล ตอบปฏิเสธอย่างมั่นใจ แล้วยืนหยัดจะเดินตามวิถีทางการเมืองพรรคก้าวไกล เราต้องการผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังแบบนี้ ต้องการผู้แทนที่ยืนยันมาแล้วว่าจะไม่มีวันทรยศกับประชาชน พรรคก้าวไกลเราเป็นพรรคที่เพิ่งจะเริ่มต้น เช่นเดียวกับเพชร กรุณพล ก็เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ เราไม่อาจอ้างประสบการณ์การเมือง 10-20 ปี มาหาเสียงกับพี่น้องได้ แต่สิ่งที่เรามีคือประสบการณ์ในฐานะประชาชนเหมือนเราท่านๆ เรามีประสบการณ์ในฐานะคนเดินดินกินข้าวแกงที่ได้รับผลกระทบมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง และประสบการณ์ที่มีร่วมกันนั้นบอกเราว่า แนวคิด แนวทางการทำงานการเมืองแบบเดิมไม่ใช่คำตอบอีกต่อไปแล้ว ถ้าคิดทำแบบเดิม ก็จะลากชีวิตเราอยู่ในวังวนแบบเดิม ปากกัดตีนถีบตามยถากรรม หลายคนต้องวิ่งหาเส้นสายเพียงเพื่อจะหลุดพ้นชีวิตพังๆ ในแต่ละวัน หรือไม่ก็ต้องยอมรับผู้มีอำนาจทำนาบนหลังพวกเราอย่างไม่มีปากไม่มีเสียง มองไปอนาคตลูกหลานของเราช่างหดหู่ นี่คือประสบการณ์ที่พวกเรามี นี่คือประสบการณ์ที่คุณเพชร กรุณพล มี นี่คือประสบการณ์ที่ทุกท่านมี ดังนั้น คำตอบที่เรียบง่ายที่สุดก็คือ เราก็ลองเข้าไปเปลี่ยนแปลงการเมืองด้วยวิถีของเราสักตั้ง ดูว่าจะเปลี่ยนได้หรือไม่ได้ พอกันทีกับการเมืองแบบเดิมๆ เรารู้ว่าต้องใช้เวลา แต่เชื่อมั่นว่าจะเป็นจริงสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
“ผมรับประกันในฐานะเลขาธิการพรรค ถ้าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องหลักสี่-จตุจักร เราจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง งานสภาต้องดี งานพื้นที่ต้องไม่ขาด เพชร กรุณพลจะใช้โอกาสที่พี่น้องมอบให้พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็นผู้แทนราษฎรที่ดีที่สุดที่เคยมีในพื้นที่ ถ้าทำงานไม่ได้ งานสภาไม่ดี พื้นที่ไม่เกิด ระยะเวลาของสภาเหลือเพียง 1 ปี พี่น้องก็จะได้เลือกตั้งใหม่ ถ้าทำไม่ได้ พี่น้องก็ไม่ต้องเลือกเพชร กรุณพล กลับเข้าสภาอีก เพชร กรุณพล จะเป็นคนเข้าไปตรวจสอบรัฐบาลประยุทธ์เพื่อตอกฝาโลงรัฐบาลนี้ ตรวจสอบงบประมาณก้อนสุดท้ายเพื่อไม่ให้เขาเอาไปใช้อย่างมูมมาม และจะเป็นผู้อภิปรายคว่ำรัฐบาลประยุทธ์คาสภาให้ได้ ดังนั้น ถ้าท่านเห็นว่าการทำงานในสภาที่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนอย่างถึงที่สุด ไม่ยอมเกี้ยเซียะเพื่อประโยชน์ตนเองเป็นฉากหลัง การมีพรรคการเมืองที่จะต้องเผชิญกับความไม่ถูกต้องชอบธรรม แม้ต้องเผชิญอันตรายใดๆ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง การมีพรรคการเมืองที่ยืนยันหลักการคนเท่ากัน นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 30 มกราคมนี้ เลือก เพชร กรุณพล”
ชัยธวัช กล่าว
“จ้อน พิจารณ์” ชี้ 3 ความท้าทาย “เพชร กรุณพล” เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภา
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าสภาจะครบวาระในอีก 14 เดือนข้างหน้า ซึ่งแน่นอนเราไม่อยากให้รัฐบาลนี้อยู่ครบวาระ แต่อย่างไรก็ตามเวลาที่เหลือจะมีความท้าทายที่รอ เพชร กรุณพล อยู่ 3 อย่าง คือ 1.การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่จะซักฟอกความผิดพลาดเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพที่พุ่งสวนทางกับค่าแรง, ความล้มเหลวของการควบคุมโควิด เพชร กรุณพล จะเข้าไปทวงถามเรื่องเหล่านี้ 2.สภาจะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 เม็ดเงิน 3.185 ล้านล้านบาท นี่จะเป็นงบประมาณทิ้งทวนครั้งสุดท้ายของรัฐบาล เราจะไม่ให้เขาดันทุรังซื้ออาวุธ ซื้อเรือดำน้ำ โดรน หรือแม้แต่เครื่องบินรบ พวกเราจะไม่ยอมให้เขาจัดสรรงบประมาณที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชนอย่างไม่เห็นหัวประชาชน ในภาวะข้าวยากหมากแพงแบบนี้ และเพชร กรุณพลจะเข้าไปปกป้องเงินภาษีของพี่น้อง
“สำหรับความท้าทายที่ 3.คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นไม่นานหลังอภิปรายงบประมาณเสร็จสิ้น และผมบอกเลยว่านี่จะเป็นฉากอวสานของรัฐบาลประยุทธ์อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาถ้ายังจำกันได้ พรรคก้าวไกลได้สร้างบาดแผลให้กับรัฐบาลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีแป้ง ยุทธการทลายรังไอโอกองทัพ เรื่องการแต่งตั้งตำรวจหรือตั๋วช้าง และนี่จะเป็นอีกครั้งที่เราจะเห็นเพชร กรุณพลเข้าไปปิดจ็อบดับอายุขัยของรัฐบาลนี้”
พิจารณ์กล่าว
“เท้ง ณัฐพงษ์” แนะแนวทางช่วยเหลือประชาชน- ทลายกับดักวัฒนธรรมการใช้ “เงิน”
ขณะที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส. กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้ ตนอยากมาชวนพ่อแม่พี่น้องคิดเรื่องการทำหน้าที่ของ ส.ส. อยากถามว่าเรายังติดกับดักทางวัฒนธรรมที่พวกเขาชอบบอกว่า ส.ส.ต้องเป็นผู้มีบารมี เป็นผู้มั่งมี หน้าใหญ่ใจโต ถึงจะช่วยประชาชนได้อยู่หรือเปล่า? พอได้หรือยังกับวัฒนธรรมการเมืองแบบนี้ ตลอดการทำหน้าที่ของตนเกือบ 3 ปี ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อแม่พี่น้องชาวบางแคมาหลายวิกฤต หนึ่งในอาวุธสำคัญใช้ช่วยเหลือคือเวทีกรรมาธิการ ที่ ส.ส. ทุกคนมีอำนาจตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ม.129 ซึ่งกรณีที่ตนผลักดันจนสำเร็จแล้วคือ กรณีหมู่บ้านปารวีร์ ในเขตบางแค ที่ใช้เวทีนี้เสาะหาข้อเท็จจริงกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ออกใบอนุญาตก่อสร้างโกดังสินค้าขนาดใหญ่ ขณะที่อาวุธสำคัญต่อมาคือการตั้งกระทู้ถามต่อบรรดารัฐมนตรี เพื่อไม่ให้เขาเกียร์ว่าง หากแต่ต้องเร่งรัดแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน และอีกหนึ่งอำนาจหลักของ ส.ส. คือ การพิจารณากฎหมาย ชาวจตุจักร-หลักสี่ ล้วนประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังรอระบาย ที่สำนักงานเขตเข้าไปดำเนินการแก้ไขให้ไม่ได้ เนื่องจากติดกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นที่ดินของเอกชน เรื่องนี้ไม่ต่างจากในเขตบางแคและอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ปัญหาลักษณะนี้ตนและพรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินฯ เพื่อแก้ไขปัญหา ให้บรรดาลูกบ้านในโครงการหมู่บ้านต่างๆ มีอำนาจในการจัดการสาธารณูปโภคต่างๆ ได้เอง แม้เจ้าของโครงการจะไม่ยอมยกที่ให้ก็ตาม ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้ถูกบรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุมสภาเรียบร้อยแล้ว
“ผมเชื่อว่าประชาชนทุกคนไม่มีใครเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะชาวจตุจักร-หลักสี่ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีใคร จะไม่มีนักการเมืองหน้าไหนสามารถเอาเงินมาซื้อหัวจิตหัวใจของทุกท่านได้ สิ่งที่ผมกำลังบอกกับทุกท่านก็คือ หากท่านเลือกเพชร กรุณพล ท่านจะได้ ส.ส. ที่มีอุดมการณ์ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ นั่นก็คือความเป็นผู้แทนประชาชนที่กล้าชนทุกปัญหา กล้าพูดทุกประเด็น เป็น ส.ส. ที่จะไม่สร้างวัฒนธรรมการเมืองแบบผิดๆ ไม่เอาเงินมาแจกให้เป็นหนี้บุญคุณแล้วรอวันถอนทุนคืนอย่างแน่นอน และหากใครที่กำลังลังเลว่าเลือกพรรคส้มแล้วจะไปตัดคะแนนพรรคโน้นพรรคนี้ไหม จะทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยพ่ายแพ้ไหม ผมขออย่างเดียว ขอให้ท่านใช้หัวใจเลือก อย่าไปฟังเซียนการเมืองมากไป รักใคร ชอบใคร นิยมแนวทางของพรรคไหน เลือกพรรคนั้น ไม่ต้องลังเล เพราะถ้าหากทุกคนลังเลแบบนั้นตั้งแต่การเลือกที่ผ่านมา ก็คงไม่มี ส.ส.เขตแบบผม หรือแบบ ส.ส.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในวันนี้อย่างแน่นอน”
ณัฐพงษ์กล่าว
“เจี๊ยบ อมรัตน์” มั่นใจ “เพชร กรุณพล” คืออัญมณีมีค่า ไมใช่คนแปลกหน้าฝ่ายประชาธิปไตย – รู้ปัญหาพื้นที่
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวว่าเสียงปี่กลองแห่งการเลือกตั้งดังขึ้นแล้วใน กทม. เขตจตุจักร-หลักสี่ และวันที่ 30 มกราคมนี้ จะเป็นวันลั่นกลองรบครั้งสำคัญของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้คะแนนป๊อบปูล่าโหวตสูงที่สุดใน กทม. เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องเฟ้นหาคนที่ใช่ที่สุด เหมาะสมที่สุด กล้าหาญและมีอุดมการณ์ มีจุดยืนตรงกับพรรคมากที่สุด รวมทั้งผ่านการทำงานร่วมกับพรรคมาแล้ว พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว มั่นใจว่าเมื่อเป็น ส.ส. จะทำงานตอบสนองพี่น้องชาวจตุจักร-หลักสี่ ทั้งงานในพื้นที่และงานในสภาได้ เราไม่ส่งก้อนกรวดก้อนหินดินทรายมาให้กับท่าน แต่เราส่งอัญมณีที่มีค่าที่สุด มีแสงแวววาว มีแสงในตัวเองมากที่สุด แข็งแกร่งและทนทานมากที่สุด เรามั่นใจที่จะส่ง เพชร กรุณพล เป็นตัวแทนสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งสำคัญของพรรคก้าวไกล เพชร กรุณพลไม่ใช่คนแปลกหน้าของชาวก้าวไกล ไม่ใช่คนแปลกหน้าของพี่น้องผู้รักและออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และไม่ใช่คนแปลกหน้าของพี่น้องชาวจตุจักร-หลักสี่แต่อย่างใด เขาเข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับพวกเราตั้งแต่ครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่แล้ว อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันในงานอาสาสมัครต่างๆ เขาแสดงจุดยืนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชัดเจนผ่านการสื่อสารช่องทางต่างๆ มานานแล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าของพี่น้องชาวจตุจักร-หลักสี่ เพราะจากที่มีโอกาสได้ไปร่วมหาเสียงด้วยกัน เขารู้จักปัญหาทุกตรอกซอกซอยอย่างละเอียด เพราะมีกิจการร้านอาหารของครอบครัวอยู่ในพื้นที่ และเพชร กรุณพล ก็เรียนจบจาก ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่นี้นี่เอง
“มีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ วันนี้ดิฉันของเปลี่ยนเป็น ดูนายให้ดูแม่ และมีสุภาษิต ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะแม่ของเพชร กรุณพล คือ จิตประภัสสร เทียนสุวรรณ นางสาวไทยปี 2509 หรือชื่อเล่นว่าพี่แดง เป็นคนที่ดิฉันรู้จักและเคารพนับถือในการเป็นนักสู้ พี่แดงเป็นนักสู้ตัวแม่ เป็นที่รู้จักของเหล่าบรรดาผู้รักประชาธิปไตยและรังเกียจเผด็จการอย่างกว้างขวาง ในทางส่วนตัว ดิฉันภูมิใจในความเป็นนักสู้ของพี่แดง ให้ความเคารพนับถือ และพี่แดงก็ให้ความรัก ให้กำลังใจดิฉันตลอดมา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเพชร กรุณพล ก็เป็นนักสู้เหมือนแม่แดง จิตประภัสสร”
อมรัตน์ กล่าว
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. จตุจักร ลั่นพร้อมทำงานประสาน “เพชร กรุณพล” อย่างไร้รอยต่อ ช่วยเหลือประชาชน
ในเวทีการปราศรัยดังกล่าว ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส. กรุงเทพมหานคร ยังได้ทำหน้าที่สัมภาษณ์ อภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย หรือ มาร์ท ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตจตุจักร ซึ่งทำงานในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องจนเกิดกระแสในโซเชียล #ใครติดสะกิดมาร์ท ที่มาจากกรณีการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในพื้นที่ และเป็นหนึ่งในผู้ที่พา เพชร กรุณพล เดินรณรงค์หาเสียงมาแล้วทั้ง 3 แขวงของเขตจตุจักร ไม่ว่าจะเป็นแขวงลาดยาว แขวงเสนานิคม และแขวงจันทรเกษม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีสิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ โดยอภิวัฒน์ ตอบคำถามตอนหนึ่งว่า กรณีเกิดกระแส #ใครติดสะกิดมาร์ท มาจากความตั้งใจของตนเองที่จะมาลงสมัคร ส.ก.เขตจตุจักร และได้ทำงานในพื้นที่มา 2 ปีกว่า กระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือโดยการหาเตียงให้ผู้ป่วย ช่วยทำการตรวจ ATK ส่งน้ำ ส่งข้าว ส่งยา ให้กับผู้ป่วยที่ทำการโฮม ไอโซเลชั่น และด้วยการทำงานที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างมากในช่วงนี้เอง ที่ทำให้เกิดกระแสดังกล่าวในโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ส.ก. ที่อย่างไรก็ต้องมีขึ้นในอนาคต ตนมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานประสานกับ ส.ส. ที่มาจากพรรคเดียวกันอย่างไร้รอยต่อ ดังนั้น วันที่ 30 มกราคมนี้ อยากเชิญชวนเลือก เพชร กรุณพล เบอร์ 6 เพื่ออนาคตของชาวจตุจักร-หลักสี่