‘นักการเมืองโกงกิน’ มักเป็นข้ออ้างที่ฝ่ายต่อต้านระบอบประชาธิปไตยมักใช้เรียกร้องให้กองทัพออกมารับลูก ทำรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และทุกครั้งก็มักจะประกาศกร้าวว่า ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ‘คนดี’ ที่จะมาปราบคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศไทย
รัฐประหารผ่านมาแล้วเกือบ 8 ปี ‘คนดี’ ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เหมือนเดิม แต่การคอร์รัปชั่นไม่เคยหายไป ซ้ำร้ายยังหนักข้อขึ้นทุกปี มีการแทรกแซงหน่วยงานรัฐ ศาล องค์กรอิสระ ใครที่จะมาตรวจสอบเรื่องเลห่านี้ก็มักจะถูกฟ้องดำเนินคดีจนวุ่นวาย
ล่าสุด องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ได้จัดทำดัชนีวัดระดับการรับรู้การคอร์รัปชั่นในภาครัฐ (Corruption Perception Index) ปีนี้ ไทยร่วงลงมาจากปีก่อน 6 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 110 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก
คะแนนที่ไทยได้รับในปีนี้ ลดลงจากปีก่อน 1 คะแนน อยู่ที่ 35 เต็ม 100 ซึ่งเป็นคะแนนที่ประเมินจากหลายมิติ ทั้งความสามารถในการปราบคอร์รัปชั่น การบังคับใช้กฎหมาย ความโปร่งใสและการรับผิดในการใช้จ่ายเงินภาครัฐ คอร์รัปชั่นในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ความเกี่ยวข้องกับการของธุรกิจภาคเอกชนกับการคอร์รัปชั่น การติดสินบน รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลกิจกรรมการทำงานของภาครัฐด้วย
เราจะเห็นได้ว่า ช่วง 5-6 ที่ผ่านมา พัฒนาการความโปร่งใสของรัฐบาลมีทิศทางที่เลวร้ายมาตลอด ในปีนี้คะแนนความโปร่งใสยังลดลงอีก นอกจากทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศแย่ลงแล้ว ยังเป็นความสูญเสียด้านความน่าเชื่อถือในสายตานานาชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย
ยิ่งมาดูอันดับในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน อันดับของไทยอยู่ต่ำกว่า 1.สิงคโปร์ 85 คะแนน 2.มาเลเซีย 48 คะแนน 3.ติมอร์-เลสเต 41 คะแนน 4.เวียดนาม 39 คะแนน 5.อินโดนีเซีย 38 คะแนน หลายประเทศขยับแซงไทยขึ้นไปด้วยคะแนนที่ดีกว่าเดิม สะท้อนว่า ประเทศเพื่อนบ้านของเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับประเทศไทยที่มีรัฐบาลซึ่งเอาแต่ยกอ้างความเป็นคนดี มีศีลธรรม แต่ผลงานกลับดิ่งเหวในทุกด้าน รวมถึงด้านการปราบทุจริตคอร์รัปชั่น
“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจมาจากคณะรัฐประหาร คสช. ที่อ้างว่า มาปราบโกง มาปราบทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ผลงานกลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จึงไม่แปลกใจที่ เมื่อมีการตรวจวัดกันด้วยมาตรฐานสากลครั้งใด ทั้งอันดับและคะแนนของไทยจะย่ำแย่ลงแทบทุกปี”
กรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ เพชร ผู้สมัคร ส.ส. เลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 6 จากพรรคก้าวไกล กล่าว
“เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลไม่ยินยอมให้เกิดการตรวจสอบในทุกด้าน มีการเข้าไปแทรกแซงศาลและองค์กรอิสระทำให้กระบวนการตรวจสอบล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แม้แต่ ส.ส. ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลผ่านสภาก็ถูกมักขัดขวาง หรือที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือการไล่ฟ้องเพื่อปิดปาก ไม่ให้ทำหน้าที่ได้โดยง่าย การเป็นรัฐบาลที่ไม่ยอมให้มีการตรวจสอบแบบนี้ จึงนำไปสู่ความเฟื่องฟูของการทุจริตคอร์รัปชั่นที่มักย้อนมาเสมอ ในยุคที่มีการปกครองโดยคณะทหารหรือรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ”