วิโรจน์-สุรเชษฐ์ ค้าน ครม. ต่อสัมปทาน สายสีเขียว ย้ำ ถ้าต่อ ‘ค่าโดยสารแพง’ จนถึงปี 2602
ค่าตั๋วรถไฟฟ้าแพง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากติดสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าหลายสาย หลายเส้น และหลายบริษัทเอกชนที่เข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งหากมีการต่อสัญญากับเอกชนแต่ละรายไปเรื่อยๆ นอกจากจะทำให้ไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาราคารถไฟฟ้าอย่างเป็นระบบได้แล้ว ยังมีคำถามถึงการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนด้วย
“เรื่องนี้ยิ่งยื้อยิ่งเจ็บ ยิ่งขยายสัญญายิ่งแก้ยาก หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล สิ่งที่เราจะทำคือ ‘ตั๋วร่วม’ เพื่อให้ผู้โดยสารไม่ต้องจ่ายค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าโดยสารมีราคาแพง และอีกเรื่องที่ต้องทำคือ ‘ค่าโดยสารร่วม’ เพราะเรื่องขนส่งสาธารณะจะคิดเฉพาะรถไฟฟ้าไม่ได้ ต้องรวมไปถึงรถเมล์ด้วย แต่ต้องยอมรับว่า อำนาจอยู่ที่เขา สิ่งที่เราทำได้คือการคัดค้านอย่างเต็มที่”
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าว คัดค้านการขยายสัญญาอายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาดว่าจะมีการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ พร้อมกับ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่กล่าวถึง บทบาทหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. ที่จะต้องให้ความสำคัญและ ‘พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพ’ มากกว่านี้
“หากมีการต่อสัญญาสัมปทาน ค่ารถไฟฟ้าแพงจะหลอกหลอนคน กทม. ต่อไป คนเป็น ผู้ว่าฯ กทม. จะต้องกระตือรือร้นในเรื่องนี้ จะต้องติดตามว่าเงื่อนไขการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 30 ปี จากวันหมดอายุสัมปทานปี 2572 ว่ามีการพูดถึงตั๋วร่วม ค่าโดยสารร่วม หรือไม่ ถ้ามีรายละเอียดเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ติดตามจนถึงตอนนี้ ยังไม่พบเงื่อนไขเหล่านี้ในสัญญา สัมปทานฉบับนี้จะต่ออายุไปถึงปี 2602 ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้ ปัญหาการจ่ายค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนก็เกิดขึ้นต่อไป จะต้องจ่ายค่าโดยสารแพงต่อไป และการแก้ไขค่าโดยสารรถไฟฟ้าอย่างเป็นระบบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยไปจนถึงปี 2602″
พรรคก้าวไกล คัดค้านการขยายการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวตั้งแต่ ปี 2562 ทันทีที่มีคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ให้ กทม. ไปเจรจาบีทีเอส ขยายสัมปทานไปอีก 30 ปี สอดคล้องกับ ผลศึกษาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ที่เสียงส่วนใหญ่มีมติไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานที่จะเกิดขึ้น แต่ยังคงเห็นได้ว่า รัฐบาลชุดนี้พยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ ครม. หลายครั้ง ท่ามกลางข้อกังขาถึงความชอบธรรม ทั้งยังสังเกตได้ถึงความลุกลี้ลุกลน เนื่องจากอายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังเหลืออีกถึง 7 ปี แต่กลับจะรีบขยายการต่ออายุไปอีก 30 ปี ตั้งแต่วันนี้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่มากที่สังคมต้องช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิด