
ล็อกเป้า ‘สั่งขัง’ รังสิมันต์ โรม
หลังการอภิปรายทั่วไปของ รังสิมันต์ โรม เรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ปรากฏการณ์น่าสังเกตที่ตามมาคือ ความพยายามเร่งรัดกระบวนการของคดีต่างๆ ที่ยัดเยียดมาให้เพียงเพราะการปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อต้นปี 2563
“ผลที่หวังจากความพยายามเหล่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นเป้าหมายสุดท้ายคือการให้ผมได้ถูกศาลสั่งขังโดยไม่ให้ประกันตัว ซึ่งหากมีการสั่งขังโดยศาลแม้แต่วันเดียวก็อาจเป็นช่องให้มีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนญ เพื่อตีความให้หลุดพ้นจากความเป็น ส.ส.ได้”
“ล่าสุดผมทราบว่าทางตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ถึงขั้นมีการออกหมายจับผมในคดีนี้ โดยอ้างว่าผมไม่ได้ไปเข้าพบตามหมายเรียกที่ออกมาก่อนหน้านี้”
ทั้งนี้ รังสิมันต์ โรม ให้เหตุผลที่ไม่สามารถไปตามหมายเรียกได้ว่า:
หมายเรียกแรก ออกมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร จึงได้มีการโต้แย้งไปว่าเป็นการออกหมายเรียกโดยไม่ชอบ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ได้ห้ามไม่ให้มีการออกหมายเรียกตัว ส.ส. ในระหว่างสมัยประชุม
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทาง สน.บางขุนนนท์ก็ได้ออกหมายเรียกอีกครั้งให้ไปพบในวันที่ 11 มีนาคม แต่วันนั้น รังสิมันต์ ติดภารกิจในฐานะ ส.ส. จึงได้ทำหนังสือต่อ สน.บางขุนนนท์ เพื่อชี้แจงความไม่สะดวกและขอเลื่อนการเข้าพบออกไปเป็นวันอื่นที่ได้ระบุไว้ ทว่าทางตำรวจกลับมีคำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนการนัดหมายดังกล่าว และอ้างเหตุนี้ในการขอศาลเพื่อออกหมายจับ
ในการนี้ทาง รังสิมันต์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากศาลแล้ว แต่สุดท้ายศาลอาญาตลิ่งชันก็อนุมัติออกหมายจับในที่สุด แม้ว่าคดีนี้จะเป็นคดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยแสดงพฤติการณ์หลบหนีใดๆ เลย แต่เมื่อกระบวนการทางกฎหมายที่ ‘ไม่ปกติ’ กำลังทำงานเช่นนี้ รังสิมันต์ โรม จึงพร้อมเดินทางไปเข้าพบตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 8.00 น.
“ผมทราบดีว่าในเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยถูกกดดันจากผู้มีอำนาจให้เร่งใช้คดีดังกล่าวมาเล่นงานผม แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างให้พวกท่านกระทำการอย่างเกินเลยจากขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจกับพวกท่านไว้ได้ หากทางเจ้าหน้าที่ยังดึงดันที่จะใช้กระบวนการออกหมายเรียกและหมายจับแบบนี้เพื่อหาเรื่องกลั่นแกล้งผมต่อไป ผมก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยเช่นกัน”