‘นักการเมือง’ เป็นหนึ่งในอาชีพในฝันของเด็กๆ แต่เมื่อโตขึ้น หลายคนก็พบว่าความฝันนั้นมันดูห่างไกลความจริงเหลือเกินสำหรับคนธรรมดาๆ ไม่ได้โตมาในตระกูลใหญ่ ไม่ใช่คนดัง ไม่ได้เรียนสูงโปรไฟล์ล้ำ ‘กาย’ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ก็เคยคิดแบบนั้นมาตลอด แต่วันนี้ เขาได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่า คนธรรมดาก็สามารถเป็นนักการเมืองได้จริงๆ
ณัฐชา เล่าว่า เขาชอบการเมืองตั้งแต่เด็ก เคยไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่เดินแจกแผ่นพับตั้งแต่ 4-5 ขวบ มีความฝันอยากขึ้นรถแห่ อยากขึ้นเวทีปราศรัยแบบนั้นบ้าง แต่เนื่องจากฐานะยากจน นามสกุลไม่ได้ใหญ่โต ไม่ใช่ลูกเต้าคนดัง และก็ไม่ได้เรียนจบสูงมาจากไหน จบแค่ช่างกล เลยไม่คิดว่าจะเป็นไปได้
“ผมเป็นคอการเมือง มีความฝันอยากเป็นแบบนักการเมืองที่เราเคยช่วยหาเสียง แต่ผมก็ตั้งกำแพงให้กับตัวเอง 5 ชั้นว่า ต้องมีสิ่งเหล่านี้ถึงจะมาเป็นนักการเมืองได้ นั่นคือ 1. เรียนจบสูง 2. เป็นที่รู้จักของคนมากว่านี้ 3. รวยกว่านี้ 4. อายุเยอะกว่านี้ และ 5. มีประสบการณ์การเมืองเยอะกว่านี้”
ณัฐชา กล่าว
จนวันหนึ่ง พรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น เขาได้ยิน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค พูดประโยคหนึ่งซึ่งถูกใจตัวเองมากว่า ‘คนจนในบ้านเราไม่ควรมีใครต้องประจานตัวเองเพื่อรับสิทธิ’ นี่เป็นสิ่งที่ ณัฐชา เองก็คิดมาตลอด เลยให้การสนับสนุนพรรคนี้ ซื้อของที่ระลึกทุกอย่าง มารอสมัครเป็นสมาชิกพรรคคนแรกแบบตลอดชีพ และวันหนึ่ง เขาได้พบและคุยกับวินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งที่มาสมัคร ส.ส.ของพรรค ผมได้ทลายกำแพงในใจเหล่านี้ไปหมด จนตัดสินใจสมัครได้รับเลือกเป็น ส.ส.
“ต่อมา ผมกล้าอภิปรายแบบที่ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แนะนำคือ สภาผู้แทนนั้น เป็นสภาฯ ที่ให้ตัวแทนจากทุกภาคส่วนได้มาพูด เราเรียนจบไม่สูงก็เป็นตัวแทนของคนเรียนจบไม่สูง เรามีเงินน้อยก็เป็นตัวแทนของคนเงินน้อย ให้เอาความคิดของคนธรรมดานี่แหละมาพูด คิดเพียงอย่างเดียวว่าเราต้องเป็นปากเสียงของประชาชน เอาเสียงเหล่านั้นมาสะท้อนในสภา”
หนึ่งในอภิปรายที่น่าจดจำของ ณัฐชา คือการอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในเวลานั้น ซึ่งหลายคนบอกว่า คนนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัฐบาล ทำไมถึงกล้าอภิปรายตรงๆ โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่กลัวเหรอ?
ณัฐชา เชื่อว่า สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาที่มีเกียรติ และรัฐบาลเอง ตัวรัฐมนตรีเองก็ต้องเคารพในความเป็นสภาฯ เคารพในการตรวจสอบถ่วงดุล ยอมรับกลไกการทำงานการตรวจสอบผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงทำให้กล้าที่จะอภิปรายและก็ผ่านมาได้จนกระทั่งวันนี้
นี่เป็นเพียงเรื่องราวคร่าวๆ ของเด็กช่างกลที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักการเมือง จนถึงวันที่ได้เป็น ส.ส. ที่กล้าอภิปราย ‘ธรรมนัส’ หากต้องการอ่านเรื่องราวชีวิตของ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล มากกว่านี้ สามารถอ่านต่อได้ใน หนังสือ “เกิดจากประชาชน จากเด็กช่างกลสู่ผู้แทนราษฎร” ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของ ณัฐชา
