
กรณีจากการแชร์ภาพในสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการแต่งกายประถมวัยของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่มีการแต่งกายทั้งชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดทหารลายพราง รวมถึงชุดอาเชียน และกำหนดใส่ชุดต่างๆ ในหนึ่งสัปดาห์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่ากฎระเบียบดังกล่าวของโรงเรียนนั้นเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครองเกินไปหรือไม่
ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรี ออกมาชี้แจงถึงจุดประสงค์ของการใส่ชุดทหารลายพราง ว่าเพื่อให้เด็กนักเรียนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และได้มีการหารือกับผู้ปกครองแล้วในกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงชี้แจงว่าการขายชุดต่าง ๆ นั้นทางโรงเรียนไม่มีส่วนแบ่งใด ๆ กับรายได้จากการขายชุด
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องที่ต้องตั้งคำถามคือ ชุดนักเรียน ทำให้นักเรียนมีความเรียบร้อยและระเบียบวินัยจริงหรือ? ในเมื่อมีการกำหนดให้ใส่เครื่องแบบตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัย ยังไม่นับรวมอาชีพที่ต้องใส่เครื่องแบบอย่างทหารหรือตำรวจเองด้วยซ้ำที่เห็นการแตกแถว ละเมิดกฎหมายตามที่ปรากฏเป็นข่าวบ่อยครั้ง
“ส่วนเรื่องการใส่ชุดทหารลายพรางเพื่อเป้าหมายรัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นการสื่อความหมายแบบใดกัน การไม่ใส่ชุดทหารคือการไม่รักชาติอย่างนั้นหรือเปล่า ธัญคิดว่าเราทุกคนสามารถรักชาติได้ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่ในอาชีพอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีเครื่องแบบหรือไม่มีเครื่องแบบ
ธัญวัจน์ กล่าว
การสอนเด็กให้คุณค่ากับเครื่องแบบ ไม่ต่างจากการให้ความสำคัญสิ่งภายนอก ให้คุณค่ากับวัตถุมากกว่ามนุษยธรรม เราควรเปลี่ยนการตรวจชุดนักเรียนให้ถูกต้องตามระเบียบ เป็นการสอนและให้ความสำคัญในการเคารพตนเอง เคารพผู้อื่น เหตุและผล ความรับผิดชอบ และการใช้พื้นที่ส่วนรวม น่าจะเป็นการสร้างสำนึกของระเบียบวินัยมากกว่าการใส่ชุดนักเรียน”
ธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สถาบันการศึกษาควรสอนคือความเท่าเทียมกันของพลเมืองท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายและมนุษยธรรมในการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน รวมถึงการเคารพในกฎเกณฑ์กติกาที่ทุกคนสามารถออกแบบร่วมกันได้ แทนการใส่ชุดทหารลายพรางแล้วบอกว่าคือการรักชาติ
นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการสอนประวัติศาสตร์ไทยและประเทศในอาเซียนอย่างเปิดกว้าง ไม่ชี้นิ้วผิดหรือถูกให้กับประวัติศาสตร์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามหลักฐานใหม่ที่ค้นพบและการตีความได้หลายแบบ การส่งเสริมในทิศทางนี้น่าจะเป็นการสร้างความเข้าใจในประเทศอื่นๆ มากกว่าการใส่ชุดอาเซียน เป็นการสอนให้เด็กเข้าใจจากภายใน ไม่ใช้การยึดติดกับเครื่องแบบภายนอก
“ทุกวันนี้เรายังมีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนกับการค้ามนุษย์บังคับค้าประเวณีกับเยาวชน ทุกวันนี้เรายังมีเจ้าหน้าที่ขูดรีดส่วยต่าง ๆ หรือหากมองหน้าสื่อในวันนี้เราเห็นคนในเครื่องแบบมากมายที่ไม่ได้รักชาติและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เครื่องแบบที่ถูกให้คุณค่ากลับกลายเป็นพื้นที่หลบซ่อนและปิดบังเสียเอง ธัญขอยืนยันว่าคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ชุด แต่อยู่ที่การกระทำ”
ธัญวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย