“วันนี้มาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและแสดงเจตจำนงว่าไม่หลบหนี ยืนยันว่าจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมร่วมไปกับพี่น้องประชาชนอีก 19 คน ที่โดนคดีเดียวกัน จากการไปร่วม #ม็อบสมรสเท่าเทียม”
‘เตอร์’ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าว
วันนี้ ส.ส. เตอร์ เดินทางไปพบตำรวจ สน.ลุมพินี ตามหมายเรียก จากข้อกล่าวหาฝ่าฝืน ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ กรณีการชุมนุมที่แยกราษฎรประสงค์ เพื่อเรียกร้องการสมรสเท่าเทียม หรือ #ม็อบ28พฤศจิกา
ส.ส. เตอร์ อธิบายว่า คดีนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะทุกคนไปเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อให้บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมีสิทธิสร้างครอบครัวและได้สิทธิสมรสอย่างที่ควรได้ ซึ่งบางคนโดนหมายไปแล้วหลายคดี แต่พวกเขายังยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ลดละ
ภายหลังหลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ สน.ลุมพินี ได้มีการแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ร่วมกันจัดกิจกรรมของบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนด มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ กทม. โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับความมั่นคง ฉบับที่ 14 และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร
ส.ส. เตอร์ ย้ำว่า เพื่อให้การต่อสู้ของประชาชนไม่สูญเปล่า ก็หวังว่า ในวันที่ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม กลับเข้าสู่สภาอีกครั้ง ส.ส.ที่พี่น้องประชาชนไว้วางใจให้เป็นตัวแทนปากเสียงของพวกเขาและทุกท่านที่เคยอภิปรายสนับสนุน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ในครั้งก่อน จะไม่ผิดสัญญากับผู้มีความหลากหลายทางเพศ
“กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะต้องไม่ถูกปัดตก กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะต้องไม่ถูกบิดเบือนให้เป็นกฎหมายฉบับอื่น ที่ริดรอนสิทธิความเสมอภาคและความเป็นมนุษย์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ สุดท้ายนี้ ผมขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันติดตามการลงมติต่อร่างกฎหมายนี้ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมที่กำลังจะเปิดปลายเดือนนี้”
สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ เมื่อตำรวจสรุปสำนวนแล้วเสร็จ จะส่งต่อไปยังอัยการ ส่วนจะสั่งฟ้องหรือไม่ จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
