ก้าวไกลร่วมกิจกรรมดู ‘รักแห่งสยาม’ รณรงค์ #สมรสเท่าเทียม นับถอยหลัง 9 เดือน สมรสเท่าเทียมผ่านแน่
ในกิจกรรมกรุงเทพกลางแปลง ที่ฉายหนังเรื่อง “รักแห่งสยาม” ณ ลานกิจกรรมสยามสแควร์ เขตปทุมวัน กทม. พรรคก้าวไกล นำโดย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์, ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และ พริษฐ์ วัชรสินธุ เข้าร่วมกิจกรรมดูหนังกลางแปลงและรณรงค์ความคืบหน้ากฎหมายสมรสเท่าเทียม
ธัญวัจน์ กล่าวว่า สาเหตุที่เรามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ด้านหนึ่งเพื่อรณรงค์ความคืบหน้ากฎหมายสมรสเท่าเทียมที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการไปแล้วและกำลังพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งบรรยากาศในกรรมาธิการหรือแม้แต่กับ ส.ว. เอง ต่างให้การตอบรับที่ดีกับร่างกฏหมายฉบับนี้ และเราเชื่อว่าถ้าบรรยากาศการทำงานยังเป็นแบบนี้ต่อไป คนไทยจะได้ทั้งกฎหมายสมรสเท่าเทียม และ พ.ร.บ. คู่ชีวิต ผ่านสภาไปด้วยกัน
“ภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยาม ถือว่าเป็นหนังที่มาก่อนกาล ในช่วงเวลาที่หนังฉายภาพ ความปรารถนาดีและความรู้สึกดีๆ ระหว่างคนสองคนที่เป็นเพศสภาพเดียวกันยังไม่มีคำอธิบายและได้รับการยอมรับจากสังคม ทำให้ความรู้สึกดีๆ ของคนทั้ง 2 คนต้องจบลง แต่ในวันนี้ ที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าใกล้ความเป็นจริง มันคือการทำให้คู่รัก LGBTQ+ มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่เติบโตและสร้างชีวิตที่ดีขึ้นร่วมกันในความเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ความเห็นนี้สอดคล้องกับพริษฐ์ ที่บอกว่า หลังผ่านมา 16 ปีที่ภาพยนตร์รักแห่งสยามออกฉายเป็นครั้งแรก ความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่าถึงสังคมจะตื่นตัวมากแค่ไหน แต่ถ้ากฎหมายไม่ปรับตามความก้าวหน้าของสังคม แล้วก็ไม่อาจพูดได้ว่า คนทุกคนมีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง กฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นกฎหมายที่เรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องหมายว่าคู่รักทุกคู่มีสิทธิ์ที่จะรักและสร้างสถาบันครอบครัวร่วมกันได้ แต่จะนำไปสู่สิทธิและสวัสดิการอื่นๆ ที่จะมีร่วมกันเช่น การรับบุตรบุญธรรม การรับสวัสดิการ การจัดการทรัพย์สิน การเซ็นให้กันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ
“บทสรุปของหนังที่เราอยากเห็นคือโต้งและมิว สามารถรักกันและใช้ชีวิตคู่กันได้ในประเทศนี้เหมือนคู่รักชาย-หญิง ซึ่งต้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกฏหมายและค่านิยมสังคม”
พริษฐ์กล่าว
ด้านณธีภัสร์ ได้พูดถึงความคืบหน้าของการพิจารณากฎหมายสมรสเท่าเทียมโดย คาดว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมจะจบชั้นกรรมาธิการในเดือนตุลาคมและจะเข้าสภาผู้แทนราษฎรวาระ 2-3 เพื่อผ่านกฎหมายในเดือนพฤศจิกายนหลังเปิดสมัยประชุมหน้า และคาดว่าจะเข้าพิจารณาในวุฒิสภาในต้นปีหน้า
“ถ้ากฎหมายนี้ผ่านทุกด่าน คนไทยจะได้สมรสเท่าเทียมไม่เกินเมษายนปีหน้าแน่นอนครับ”
ณธีภัสร์กล่าวทิ้งท้าย