สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยกรณีประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม เปลี่ยนเกณฑ์กลางอากาศปี 63 ก่อนเปิดประมูลใหม่ปี 65 ตั้งเกณฑ์กีดกัน BTS ออกจากการแข่งขัน-เอื้อประโยชน์ BEM จนเกิดส่วนต่างกว่า 68,000 ล้านบาทที่ประชาชนต้องแบกรับ
1.- ย้อนกลับไปในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อปี 2563 รฟม. ภายใต้การกำกับดูแลของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
2.- หลังออกประกาศเชิญชวนได้มีเอกชนยื่นซองตามปกติ ประกอบด้วย BTS และ BEM ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการเดินรถไฟฟ้าเพียง 2 บริษัทใหญ่ในประเทศไทย
3.- แต่ที่ไม่ปกติก็คือ รฟม. มีการเปลี่ยนเกณฑ์การให้คะแนนระหว่างการพิจารณากลางอากาศ อย่างมีนัยสำคัญต่อการพลิกผลแพ้ชนะ ซึ่งไปสู่การฟ้องร้องโดย BTS เป็นคดีความที่ยังอยู่ในศาล แต่ รฟม. ก็เลือกที่จะใช้วิธีเปิดประมูลใหม่รอบ 2 ในปี 2565
4.- แต่ว่าการประมูลรอบที่ 2 นี้ยังมีข้อน่ากังขาหลายประการ:
- 📌 มีการล็อกเสป็คด้วยการนำเอาผู้รับเหมาก่อสร้างมาเป็นคู่เทียบการเดินรถ โดยเสนอราคาที่สูงเกินราคากลาง จนกล่าวได้ว่ามีการกีดกันการแข่งขันไม่ให้ BTS เข้าร่วม จนไม่เกิดการแข่งขันกันจริง ๆ
- 📌 นอกจากนี้ ยังมีความเร่งรีบผิดปกติในขั้นตอนการพิจารณาซองที่ 2 หรือ ข้อเสนอด้านเทคนิค 11 กล่อง ซึ่งปกติต้องใช้เวลาหลายเดือน แต่ รฟม. กลับพิจารณาเสร็จภายใน 10 วันเท่านั้น
5.- หากไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์ระหว่างการประมูลในปี 2563 ในรอบแรก BTS จะเป็นผู้ชนะโดยรัฐอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาทเท่านั้น แต่ด้วยเงื่อนไขการประมูลในปัจจุบัน กลายเป็นว่ารัฐจะต้องอุดหนุนเงินให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสูงถึง 78,288 ล้านบาท นำไปสู่คำถามสำคัญ ว่าส่วนต่าง 68,613 ล้านบาทหายไปไหน และเหตุใดประชาชนต้องมาแบกความรับผิดชอบนี้
6.- คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จึงจะเชิญทั้ง BTS และ รฟม. มาชี้แจงในที่ประชุมอนุกรรมาธิการ ในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม เวลา 14:00 น. และสุรเชษฐ์จะขออนุญาตที่ประชุมทำการ Live สดการชี้แจงในครั้งนี้ด้วย และขอเชิญประชาชนทุกคนร่วมติดตามประเด็นนี้ไปด้วยกัน ว่าการไลฟ์สดนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
“เราอยากให้การประมูลเป็นไปโดยไม่ล้าช้า แต่เราก็อยากตรวจสอบให้มั่นใจด้วยว่าราคาชนะประมูลที่ BEM จะได้ไปเหมาะสมหรือไม่ ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันติดตาม อย่าปล่อยให้ รฟม. เร่งดำเนินการอย่างน่าเกลียด ดันผ่าน ครม. ก่อนที่ความจริงจะกระจ่าง อย่าให้เงินกว่า 6 หมื่นล้านบาทจากภาษีประชาชนลอยไปเข้ากระเป๋านายทุน ซึ่งผมไม่อาจทราบได้ว่าจะมีเงินทอนกลับเข้ามาให้ข้าราชการ รัฐมนตรีบางคน หรือพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่”
สุรเชษฐ์กล่าว