ส.ส.เล็ก ญาณธิชา บัวเผื่อน ตั้งคำถามกระทรวงเกษตร กรณีสั่งย้ายนอกฤดูกาล “มือปราบทุเรียนอ่อน” เพราะไปขัดขาผลประโยชน์ขบวนการสวมสิทธิทุเรียน
ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส. จันทบุรี พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามถึงกรณีสั่งย้ายโยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู หรือ “มือปราบทุเรียนอ่อน” ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 จ.จันทบุรี ไปดำรงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการกอง” ในกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นการย้ายนอกฤดูกาล
การที่นายชลธี ถูกสั่งให้ย้ายนอกฤดูกาลเป็นเรื่องที่ประชาชนในพื้นที่หลายคนตั้งคำถาม เพราะ ผอ.ชลธีเป็นคนทำงานขยันขันแข็ง รู้บริบทของการทำงานเป็นอย่างดี และคนในพื้นที่ทั้งภาคเกษตรกรและภาคเอกชนให้การยอมรับ
ในช่วงเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา ผอ.ชลธี ได้ทำหน้าที่ควบคุมคุณภาพทุเรียนไม่ให้มีการตัดทุเรียนอ่อนไปขาย ทำให้ปลายทางที่จีนได้รับทุเรียนที่มีคุณภาพดีขึ้น คู่ค้าที่ประเทศจีนต่างก็พอใจในคุณภาพทุเรียนของไทย
“เราก็ไม่แน่ใจว่าเค้าถูกย้ายไปด้วยสาเหตุอะไรทั้งทั้งที่คนในพื้นที่เห็นศักยภาพและการทำงานของเค้า บ้างก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ผอ.ชลธี อาจจะไปขัดผลประโยชน์ของใครหรือไม่ เพราะที่ผ่านมีการจับทุเรียนด้อยคุณภาพในพื้นที่ และทำให้การสวมสิทธิ์ทุเรียนในภาคตะวันออกทำได้ยากขึ้น”
ญาณธิชา กล่าว
ปัญหาการสวมสิทธิทุเรียนที่อาจเกี่ยวข้องถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเกษตร ที่ผ่านมามีการสวมสิทธิ์ทุเรียนที่ภาคใต้จับได้ทั้งหมด 2 ตู้ กระบวนการสืบสวนและลงโทษ ทำได้แค่ย้ายด่านตรวจพืชที่ระนองมาไว้ที่ส่วนกลางเท่านั้น และเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีการสืบสาวราวเรื่องในระดับต่อไป จึงเป็นที่สงสัย
การสั่งย้าย ผอ.ชลธีนั้น เป็นเรื่องไม่เป็นธรรมและเป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถาม เพราะทุเรียนเราส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้เราคาดการณ์ว่าจะส่งออกทุเรียนทะลุถึง 1,000,000 ตัน ดังนั้นชาวสวนทุเรียนและผู้ประกอบการส่งออกที่เกี่ยวข้องในส่วนนี้ จึงค่อนข้างเป็นกังวล ท่ามกลางสมรภูมิที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดของตลาดทุเรียนระดับโลก ถ้าเราควบคุมคุณภาพไม่ได้ก็จะเป็นปัญหา เพราะทุกวันนี้หลายประเทศเพื่อนบ้านของเราล้วนแต่แข่งขันกันส่งออกทุเรียน
“การย้ายคนทำงานที่มีคุณภาพ รู้บริบทการทำงานเกี่ยวกับทุเรียนเป็นอย่างดี จะไม่สามารถทำให้ตลาดทุเรียนไทยแข่งขันกับนานาประเทศได้ เพราะได้ย้ายคนที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้ไปทำงานในตำแหน่งอื่น ทำให้ไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงการทำงาน”
ญาณธิชา กล่าวทิ้งท้าย