วรภพ แนะลดค่าไฟ-ค่าแก๊ส ทำได้ทันที แค่รัฐเปลี่ยนนโยบายพลังงาน หนุนอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านแหล่งพลังงานหลัก-ลดใช้ก๊าซธรรมชาติอ่าวไทย พร้อมปลดล็อกระเบียบโซลาร์รูฟท็อป ชี้ ถ้ารัฐบาลไม่ยอมเปลี่ยนนโยบายเพื่อประชาชน ประชาชนก็ควรเปลี่ยนรัฐบาล
วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุถึงข้อเสนอด้านการเปลี่ยนนโยบายพลังงานเพื่อการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าและค่าแก๊สที่มีราคาสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่านอกจากการยกเลิกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนผูกขาดด้านพลังงานแล้ว ยังมีนโยบายในรายละเอียดอีกหลายอย่างที่สามารถนำไปสู่การลดราคาค่าไฟฟ้าและค่าแก๊สได้ทันที
1.- รัฐบาลต้องเปลี่ยนนโยบายให้อุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ต้องปรับตัวรับต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่อิงกับราคาตลาดโลกมากขึ้น และลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติลง โดยใช้มาตรการจูงใจให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีภายใต้ระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน เมื่อภาคอุตสาหกรรมใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยน้อยลง ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าก็จะลดลง และนำมาสู่การลดค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือนได้ถึง 0.4-0.9 บาทต่อหน่วย
2.- เปิดให้มีระบบ bidding จากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนไฟฟ้า ที่ผลิตจากต้นทุนนำเข้า LNG เพื่อลดการนำเข้า LNG และ ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้
3.- ปลดล็อกกฎระเบียบที่เกี่ยวกับไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคครัวเรือนหรือโซลาร์รูฟท็อป เพื่อลดขั้นตอนที่มีความยุ่งยากในปัจจุบัน โดยเปลี่ยนจากการขออนุญาตติดตั้งเป็นการจดแจ้งและรับรองโดยวิศวกร พร้อมกับเร่งเปิดให้ครัวเรือนขายไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปคืน หักลบกับหน่วยสุทธิ จูงใจให้มีการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาบ้านมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลดภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน และกระจายการผลิตไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชุมชนได้โดยตรงมากขึ้น
4.- ปลดล็อกระบบที่นำไปสู่การผูกขาดสายส่งและท่อก๊าซ ให้เอกชนสามารถซื้อขายไฟฟ้ากันเองได้ ซึ่งจะรองรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ต้องการนโยบาย RE100 หรือ การบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้ 100%
5.- เปิดเผยกระบวนการทำแผน PDP (Power Development Plan – แผนการพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศไทย) ฉบับใหม่ ให้ประชาชนและเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนระบบพลังงานของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีส่วนร่วมจากประชาชน
ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนล้วนมีข้อเสนอในการลดภาระค่าใช้จ่ายพลังงานออกมาหลายข้อเสนอ ที่เป็นรูปธรรมและมีการศึกษามาอย่างดีแล้ว และหากรัฐบาลยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ก็ควรจะรับฟังข้อเสนอเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติโดยเร็วที่สุด
“ขึ้นอยู่กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีพลังงานแล้ว ว่าจะกล้าตัดสินใจเปลี่ยนนโยบาย โดยไม่ยึดอยู่กับผลประโยชน์ของกลุ่มทุนพลังงานที่ได้ประโยชน์หรือไม่ เพราะถ้าไม่กล้าเปลี่ยนนโยบายเพราะเกรงใจกลุ่มทุนพลังงานที่เคยทำงานร่วมกันมา ก็คงต้องให้ประชาชนช่วยกันเปลี่ยนรัฐบาลเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด”
วรภพกล่าว