🔥วุฒิสภา ตั้ง กมธ. เตะถ่วงการพิจารณาทำประชามติ ตั้ง สสร. ทำ รธน. ใหม่ทั้งฉบับไปอีก 30 วัน ทั้งที่ทุกคนปากล้วนแต่เคยพูดสนับสนุนการทำประชามติ เราจึงต้องร่วมกันจับตาดูว่า กมธ. ชุดนี้จะเพื่อศึกษาจริงๆ หรือเพื่อซื้อเวลา และสุดท้ายการลงมติจะเป็นอย่างที่ปากได้พูดและเห็นแก่อนาคตของประเทศหรือไม่?
จากกรณีที่ประชุมวุฒิสภาได้พิจารณากรณีจะเสนอให้ ครม. กำหนดให้มีการออกเสียงประชามติ แก้รัฐธรรมนูญ ฉบับเผด็จการ 2560 แล้วตั้ง สสร. ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ ซึ่งมตินี้เป็นเรื่องที่ผ่านคงามเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาอย่างแทบจะเอกฉันท์ แต่ ส.ว. กลับมีมติเตะถ่วงการตัดสินใจด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาทำการศึกษาอีก 30 วัน
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.เขตบางแค พรรคก้าวไกล กล่าวในฐานะผู้เสนอญัตติดังกล่าวระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ที่ประชุมวุฒิสภา ไม่อนุญาตให้มีตัวแทนจากฝั่ง ส.ส. เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงในฐานะผู้เสนอญัตติ จึงไม่สามารถตอบข้อสงสัยในหลายๆ เรื่องข้อกังวลจากวุฒิสมาชิกบางท่านได้ อาทิ เนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับญัตตินี้ ประเด็นการประหยัดงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้ผ่านการตราเป็นพระราชกำหนดเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายประชามติในบางมาตราก็เป็นช่องทางที่ทำให้การจัดทำประชามติ สามารถจัดพร้อมกับการเลือกตั้งเพื่อประหยัดงบประมาณได้ เป็นต้น
หากในที่ประชุมได้รับทราบเหตุผลต่างๆ ผลการลงมติก็อาจมีทิศทางต่างออกไป เพราะเหตุผลที่ให้ไว้สำหรับการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาก่อน 30 วัน ก็ด้วยเหตุผลที่ให้ไว้ข้างต้นทั้งสิ้น
น้อยคนมากที่จะอภิปรายไปในทิศทางไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ มีแต่บอกว่าเห็นด้วย แต่อยากให้พิจารณาศึกษาให้รอบคอบอย่างมีวุฒิภาวะ ให้สมกับเป็น “วุฒิสภา” ⁉️🤨
ณัฐพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา😏 จะดำเนินไปด้วยความตรงไปตรงมา พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันตามที่ได้เสนอไว้ อย่าได้ขอเวลาขยายกรอบการพิจารณาออกไป ลากเกมเตะถ่วง ตามที่หลายๆ คนได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในที่ประชุม
“เราก็ได้แต่หวังว่า กรรมาธิการของวุฒิสภาที่ตั้งขึ้นมาศึกษาพิจารณาญัตตินี้ จะเปิดโอกาสให้ ส.ส. เข้าชี้แจงในฐานะผู้เสนอญัตติ เพื่อให้ทราบถึงเจตนารมย์ของผู้เสนอญัตติ มากกว่าการอ่านและตีความเอาเองจากลายลักษณ์อักษร เพื่อให้การพิจารณาศึกษาในกรณีดังกล่าว มีความถูกต้อง รอบคอบ ครบถ้วน และเป็นการพิจารณาศึกษาอย่างมีวุฒิภาวะ ตามที่วุฒิสมาชิกได้อภิปรายไว้ และทำการลงมติอย่างที่ตนได้พูดเอาไว้และเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ”
ณัฐพงษ์ทิ้งท้าย