‘พิจารณ์’ เสนอให้มีบุคคลที่สามที่เป็นอิสระ ทำหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่ม คู่ขนานคณะกรรมการตรวจสอบของกองทัพ เผยก่อนหน้านี้เคยถามใน กมธ.ทหารฯ แล้ว แต่ไม่ได้คำตอบ ย้ำระยะยาว ต้องตั้งผู้ตรวจการกองทัพ ให้ตัวแทนพลเรือนร่วมตรวจสอบ สร้างรัฐโปร่งใสเพื่อประชาชนเชื่อมั่น
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกองทัพเรือตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยมี พล.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือเป็นประธานว่า เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสังคมให้ความสนใจ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยขาดความเชื่อมั่นในการตรวจสอบกันเองของกองทัพ จึงเห็นว่าควรใช้บุคคลที่สามที่เป็นอิสระ (Third Party Investigator) เข้ามาตรวจสอบคู่ขนาน โดยเสนอให้มีตัวแทนจากฝั่งรัฐสภาร่วมด้วย
“การตั้งคณะกรรมการที่มีแต่ทหารตรวจสอบกันเอง จะทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความตรงไปตรงมาของกองทัพ ยิ่งเมื่อมีข้อสังเกตหนึ่งเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปางว่าอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการซ่อมบำรุงและการตรวจรับงานซ่อมต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ยิ่งทำให้ประชาชนมองว่าปัญหาการจัดซื้อที่ด้อยคุณภาพของกองทัพ ส่งผลกระทบต่อศักยภาพของเรือและความปลอดภัยของกำลังพล”
พิจารณ์กล่าว
พิจารณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ในกรรมาธิการการทหาร ได้สอบถามทางกองทัพเรือ ว่าสามารถดึงบุคคลภายนอกเข้าร่วมตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้หรือไม่ แต่กองทัพเรือไม่ได้ตอบคำถาม ในภายหลังเพจ Thai Armed Forced (TAF) ซึ่งเป็นเพจที่เกาะติดเหตุเรือล่มนี้อย่างใกล้ชิด ได้เสนอให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ จากภายนอกเข้าร่วมตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม หากกังวลว่าข้อเสนอของตนที่ให้มี ส.ส. ร่วมตรวจสอบด้วย อาจทำให้เกิดการแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ ก็สามารถให้ ส.ส. เป็นสักขีพยานหรือร่วมสังเกตการณ์ในการตรวจสอบได้
ทั้งนี้ การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีบุคคลที่สาม ถือเป็นมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่ม แต่ในระยะยาว แนวทางที่พรรคก้าวไกลเสนอมาตลอดคือ การปฏิรูปกองทัพ และการปรับปรุงให้ราชการไทยก้าวหน้า
ด้วยการจัดตั้ง ‘ผู้ตรวจการกองทัพ’ ซึ่งเป็นตัวแทนพลเรือนที่เป็นอิสระจากกองทัพและทำหน้าที่ตรวจสอบกองทัพแทนรัฐสภาหรือประชาชน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของกองทัพจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีมาตรฐาน โดยบทบาทนี้อาจครอบคลุมไปถึง
- การตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม หรือการกระทำที่ขัดหลักกองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน
- การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพ รายได้ของกองทัพ และโครงการจัดซื้อจัดจ้าง
- การพิจารณาและสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทหาร
นอกจากนี้ ต้องสร้างรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐทั้งหมด เพราะข้อมูลของรัฐก็คือข้อมูลที่ประชาชนเป็นเจ้าของ หากจะปกปิด หน่วยงานต้องร้องขอว่าเป็นข้อมูลลับ โดยมีเหตุผลที่สมควรเท่านั้น รวมถึงเสริมตัวแทนจับโกงภาคประชาชน ซึ่งคือผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์ตลอดกระบวนการในงานที่มีมูลค่าสูงๆ