ก้าวไกล ชี้ระบบรายงานผลเรียลไทม์ 20 ล้านไม่แพง ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ตลอด แลกสร้างความน่าเชื่อถือ-ความโปร่งใส แนะใกล้เลือกตั้ง กกต. ต้องแสดงความพร้อมมากกว่านี้ หวั่นผิดพลาดซ้ำรอยปี ’62 ประชาชนยังจดจำ
หลังจากแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ ว่าก่อนหน้านี้สำนักงาน กกต. ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในการสร้างระบบรายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการ หรือการรายงานผลเรียลไทม์ แต่ต่อมาที่ประชุม กกต. ไม่เห็นชอบ อ้างว่าถ้าทำแล้วระบบมีปัญหา กกต. เองจะเดือดร้อน อีกทั้งมองว่างบประมาณที่ใช้ดำเนินการมูลค่า 20 ล้านบาทนั้น สูงเกินไป
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางแค พรรคก้าวไกล หนึ่งในคนที่เจอปัญหาการนับคะแนนมากับตัวเมื่อการเลือกตั้ง 2562 ระบุว่า สิ่งที่ กกต. พูด คล้ายกับเป็นข้ออ้างว่าองค์กรยังไม่มีแอปพลิเคชันที่พร้อมจะนำไปใช้งานในการรายงานผลเรียลไทม์ แต่ขณะเดียวกันอาจสะท้อนด้วยว่า กกต. ไม่อยากให้มีระบบที่สามารถรายงานผลคะแนนได้อย่างโปร่งใสหรือไม่
การจัดเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นหน้าที่ของ กกต. หากไม่มีระบบดังกล่าว ประชาชนจะเกิดความกังวลเกี่ยวกับคะแนนหลังปิดหีบระหว่างทาง ไม่รู้ว่าผลคะแนนสุดท้ายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง เช่นการเลือกตั้ง 2562 ที่มีข้อครหาเรื่องบัตรเขย่ง แต่ถ้ามีการรายงานผลคะแนนต่อเนื่อง จะช่วยให้สื่อมวลชนและประชาชนเห็นความคืบหน้าการนับคะแนน ร่วมกันตรวจสอบ เปรียบเทียบระหว่างคะแนนที่ได้กับผลลัพธ์สุดท้ายได้ ซึ่งผลทั้งสองควรจะใกล้เคียงกัน
“ระบบการรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ เป็นสิ่งที่ต้องมี เพราะจะทำให้สังคมสิ้นข้อสงสัยและยอมรับผลการเลือกตั้ง ถ้าพูดถึงแอปพลิเคชันแทบจะไม่ต้องผลิตใหม่ เพราะมีแอปฯ ที่พร้อมใช้งานของภาคประชาสังคมทำไว้เยอะแล้ว แค่อาศัยการออกระเบียบให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง สามารถรายงานผลคะแนนผ่านแอปฯ เหล่านั้นได้ ก็จะแสดงผลเรียลไทม์ได้ทันที อยู่ที่ กกต. ตั้งใจจะทำหรือเปล่า”
ณัฐพงษ์กล่าว
กกต. ต้องไม่ลืมว่าเป็นองค์กรที่มีชนักติดหลัง มีข้อครหาว่ามีที่มายึดโยง คสช. ดังนั้น หากต้องการพิสูจน์และปกป้องตัวเอง กกต. ต้องทำหน้าที่อย่างโปร่งใส ให้คำตอบประชาชนก่อนเลือกตั้งว่าจะมีระบบการรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์หรือไม่
แต่หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น ก็ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง เลือกพรรคก้าวไกลที่มีนโยบายร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้องค์กรอิสระทุกองค์กรยึดโยงประชาชน ในอนาคตถ้า กกต. ปฏิบัติหน้าที่อย่างน่าสงสัยแบบที่เป็นอยู่ ประชาชนสามารถถอดถอนได้
ด้าน ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การพัฒนาแอปพลิเคชันรายงานผลเรียลไทม์ ภายใต้กรอบวงเงิน 20 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะการพัฒนาระบบนี้แลกมากับความเชื่อถือของการรายงานผลที่โปร่งใสและรวดเร็ว เป็นการลงทุนครั้งเดียวที่ใช้ได้ไปตลอด
หรือต่อให้ไม่มีงบประมาณ กกต. ก็สามารถแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐหรือเอกชนได้ ไม่ว่าจะเป็น Vote62 หรือ Elect หรือสถาบันพระปกเกล้า ดังนั้น เพื่อความโปร่งใส กกต. ต้องเร่งจัดหาเครื่องมือการรายงานผลให้ได้โดยเร็วที่สุด
ตอนนี้ใกล้เลือกตั้งเข้าไปทุกที กกต. ควรแสดงความพร้อมให้มากกว่านี้ ทั้งเรื่องความชัดเจนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ความพร้อมเรื่องแอปฯ รายงานผล หากทำไม่ได้ ความน่าเชื่อถือของ กกต. จะยิ่งถดถอย วันนี้ประชาชนต้องการฟื้นฟูประเทศด้วยฉันทามติ โดยมีการเลือกตั้งเป็นคำตอบ เขาตระหนักรู้แล้วว่าบทเรียนเมื่อปี 2562 นำไปสู่ความล้มเหลวในกระบวนการทางรัฐสภา ดังนั้น หาก กกต. ยังนิ่งเฉย และทำเรื่องที่ซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีต สังคมไทยก็คงไปต่อยาก
“สุดท้ายที่อยากฝากถึง คือเป็นที่ทราบกันมาตลอดว่าหน่วยเลือกตั้งหลายจุดกลายเป็นสถานที่อื้อฉาว กลายเป็นแหล่งรวมหัวคะแนนของรัฐบาล และกลายเป็นกลไกของกระทรวงมหาดไทย ดังนั้น รัฐสภาจึงเรียกร้องให้ กกต. เปิดกว้างให้นักศึกษาหรือคนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี มาช่วยสอดส่องหน่วยเลือกตั้งหลังมีการอบรมด้านกฎหมายเลือกตั้งด้วย”
ปดิพัทธ์กล่าว