
สารจากอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ถึงศาลและกระบวนการยุติธรรมไทย
ดิฉัน อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนของประชาชน นักกฎหมายและผู้พิพากษาที่รักในความเป็นธรรม ที่มีความคับข้องใจ คับแค้นใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นโดยกระบวนการยุติธรรมของประเทศในทุกวันนี้
ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตต่อกรณีศาลอาญาสั่งเพิกถอนประกันตัวเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมือง มาตรา 112 ของนางสาวทานตะวัน
ประเด็นสำคัญคือ อัยการโจทก์แถลงว่าตนเองไม่เคยทราบรายละเอียดการยื่นร้องขอถอนประกันครั้งนี้
รวมทั้งก็ไม่ใช่เป็นการยื่นคำร้องขอถอนประกันโดยพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
พูดอย่างเข้าใจง่าย คือผู้พิพากษาได้ทำการไต่สวนเพิกถอนสัญญาประกันด้วยตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดร้องขอ
จึงมีคำถามว่าเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมควรจะทำหรือไม่หากจะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาที่ดี และศาลทำตัวเป็นเครื่องมือของใครหรือไม่
ทั้งนี้ เพราะตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของประเทศเราที่เป็นระบบกล่าวหา มิได้ให้อำนาจผู้พิพากษากระทำการไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนประกันด้วยตัวเอง
แต่หากแม้นว่าอาจจะมีข้ออ้างบางประการว่าสามารถทำได้ ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามีการใช้วิธีการไต่สวนที่เป็นปฏิปักษ์แก่จำเลย และในทางกฎหมายจะต้องใช้ในทางที่เอื้อประโยชน์และเป็นคุณต่อจำเลยเท่านั้น ไม่ใช่อยู่ ๆ มาไต่สวนเองเพื่อถอนประกันจำเลย
เหตุการณ์ครั้งนี้นำมาสู่เหตุการณ์ในวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา นักศึกษาและนักกิจกรรม 2 คน ตะวัน และ แบม ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัวคดี ม.122 เช่นกัน
ทั้งสองได้ประกาศขอถอนประกันตัวเอง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทุกคน โดยในระหว่างได้ประกันตัวที่ผ่านมาหลายเดือนนั้น ตะวัน และนักกิจกรรมทางการเมืองถูกตั้งเงื่อนไขกาคประกันตัวที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเป็นเงื่อนไขการประกันตัวที่คอยควบคุมติดตามเพื่อปกป้องผู้มีอำนาจในสังคม ซึ่งไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของผู้พิพากษาแต่อย่างใด เช่น ถูกติดกำไล EM 24 ชั่วโมง จะออกไปไหนต้องขออนุญาตทุกครั้งโดยตะวันได้กล่าวว่า การขอถอนประกันตัวครั้งนี้เป็นไปด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่เพื่อให้สังคมรับรู้ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาไม่ได้เป็นไปตามหลักนิติธรรม มิใช่เพื่อเป็นการกดดันผู้พิพากษาแต่อย่างใด
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันในฐานะตัวแทนของราษฎรทั้งปวงขอฝากไปดังๆ ไปถึงท่านผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบในคดีทางการเมืองต่างๆ เหล่านี้
หวังว่าเสียงนี้จะส่งไปถึงพวกท่าน และเป็นเสียงที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศเราได้ตระหนักว่าตนเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน มิใช่เพื่อตนเองและเพื่อผู้มีอำนาจในประเทศนี้
หากศาลที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนอย่างใช้อำนาจอย่างบิดเบี้ยวเช่นนี้ต่อไป ถามว่าสังคมจะอยู่ได้อย่างไร
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
ผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล