📌 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล-ระยอง เปิดหลักฐานแชทไลน์ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด ยืนยัน “ส่วยเกาะเสม็ด” รถสองแถวมีอยู่จริง ชี้ต้องจ่ายถึงคันละ 16,000 บาท เข้ากระเป๋าใคร ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่ เผยเตรียมหอบหลักฐานส่งพรรคก้าวไกล ใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบต่อ
กฤช ศิลปชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีข้อสงสัยว่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด อาจเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างในจังหวัดระยอง แลกกับการอนุญาตให้สามารถวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด
จากได้ติดตามข้อเท็จจริง ที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดถึงคันละ 16,000 บาท เป็นจำนวนกว่า 60 คัน คิดเป็นเงินรวมกันกว่า 9 แสนบาท สามารถยืนยันได้ว่ามีการเรียกรับเงินในจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยมีหลักฐานเป็นข้อความพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของกลุ่มชมรมรถแท็กซี่เกาะเสม็ด โดยหนึ่งในสมาชิกกลุ่มได้โพสต์ข้อความ ว่าให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสินสาขาเพ ที่เปิดร่วมกันโดยบุคคลสองคน ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 แล้วจึงแจ้งสลิปพร้อมหมายเลขรถให้ทราบหลังโอนเงินเสร็จ
หลังจากนั้นจึงมีการโอนเงินพร้อมแจ้งสลิปจากผู้ประกอบการรถทุกคันเข้าไปยังบัญชีดังกล่าว เป็นจำนวนรายละ 11,000 บาท ซึ่งจะนำไปรวมกับเงินกองทุนที่สมาชิกจ่ายสมทบกันไว้ มาสมทบออกให้อีกคันละ 5,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินที่ต้องจ่ายคันละ 16,000 บาท ตรงตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้
หลังโอนเงินแล้ว ผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างแต่ละคันก็จะได้รับสติ๊กเกอร์แผ่นหนึ่ง ระบุข้อความว่า “ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด อนุญาตนำเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด” พร้อมหมายเลขรถ ซึ่งรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดจะมีสติ๊กเกอร์ดังกล่าวแปะอยู่ทุกคัน และยังมีการส่งข้อความเป็นภาพเงินสดจำนวนมากที่ถูกถอนออกมาจากธนาคาร เตรียมใส่ในซองเอกสารสีน้ำตาล เพื่อจะนำไปส่งมอบให้กับบุคคลหนึ่ง
เป็นที่น่าสังเกต ว่าการส่งข้อความนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ซึ่งใกล้เคียงกับก่อนที่จะมีการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมของกลางเป็นเงินสดใส่ซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน สังเกตได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับภาพซองใส่เงินที่ปรากฎในไลน์กลุ่มรถโดยสารเกาะเสม็ดมาก จนอดสงสัยไม่ได้ว่ากรณีส่วยเกาะเสม็ดมีความเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ด้วยหรือไม่
เมื่อปรากฏข่าวส่วยเกาะเสม็ดขึ้นมา ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด ได้ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธว่าไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ตามมา ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ จากหลักฐานที่ได้รับ และจากการสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่ น่าจะพอยืนยันได้แล้วว่าเกิดการจ่ายเงินขึ้นจริง แต่จะจ่ายไปที่บุคคลใด ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป เบื้องต้นมีข้อมูลอยู่ในระดับหนึ่งแล้วว่า เงินจำนวนดังกล่าวถูกส่งมอบไปให้บุคคลใด แต่ยังต้องรอหลักฐานเพิ่มเติมจึงจะเปิดเผยได้ ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด
👉 ต้องขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และ ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงรัฐบาล ว่าปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ไม่ได้ถูกพักราชการ เพียงถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แปลว่ามีบุคคลที่มีอำนาจสูงขึ้นไปหนุนหลังอยู่ด้วยหรือไม่
“นี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด ตั้งแต่ยุค คสช. ยึดอำนาจบริหารบ้านเมืองสืบต่อมา ถึงยุครัฐบาลทหารจำแลง ประเทศเราเต็มไปด้วยมาเฟีย ทั้งรูปแบบทุนสีเทา ทุนการพนัน หรือแม้แต่ข้าราชการเจ้าหน้าที่ที่เรียกรับผลประโยชน์ อย่างกรณีเกาะเสม็ด เคยแปลกใจกันไหมว่าทำไมข้าวของ ค่าห้องพัก ค่ารถโดยสารบนเกาะเสม็ดถึงแพงขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะการเรียกเก็บเงินพวกนี้หรือไม่ ยังไม่นับอีกหลายเรื่องที่อาจยังไม่เป็นข่าว จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดือดร้อนกันถ้วนหน้า”
กฤชกล่าว
กฤชเปิดเผยด้วยว่า หลังเกิดกรณีนี้ขึ้น มีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเข้าไปข่มขู่ประชาชนที่ให้ข้อมูลนี้ต่อสื่อมวลชน และยังมีการนำเอกสารบางอย่างมาให้ประชาชนลงนามด้วย ซึ่งตนได้รับหลักฐานการข่มขู่ของเจ้าหน้าที่มาแล้ว หลังจากนี้จะเข้าหารือกับพรรคก้าวไกล พร้อมมอบหลักฐานทุกชิ้นให้พรรคนำไปดำเนินการต่อผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร หากประชาชนคนใดที่ถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่รังแกจากกรณีดังกล่าว แจ้งมาที่ตนได้ทันที