รังสิมันต์ โรม แถลงข่าวจัดหนักทุนจีนสีเทา เกี่ยวพันธุรกิจของหลานชาย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้ำว่านี่แค่น้ำจิ้ม ของจริงเจอกันอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ (ถ้าประยุทธ์ไม่ชิงยุบสภาไปก่อน)
📌 เรื่องฉบับย่อ:
- ‘ตู้ห่าว’ ขบวนการทุนจีนสีเทา เช่ารถทัวร์จากบริษัท ‘ปฐมพล’ น่าเชื่อว่าเพื่อใช้พาคนจีนเข้ามาทำกิจกรรมผิดกฎหมายในไทย
- ‘ปฐมพล’ เป็นหลานชาย ‘ประยุทธ์’
- ‘ตู้ห่าว’ โดนข้อหาฟอกเงินไปแล้ว ส่วน ‘ปฐมพล’ ยังไม่โดนอะไร แม้แต่เรียกสอบก็ยังไม่มี
📌 เรื่องฉบับเต็ม:
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีทุนจีนสีเทาเกี่ยวพันธุรกิจของหลานชาย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังตั้งกระทู้สดด้วยวาจา ถาม พล.อ.ประยุทธ์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มาตอบ แถมไม่ส่งตัวแทนมาด้วย
รังสิมันต์ กล่าวว่า การดำเนินคดีกลุ่มทุนจีนสีเทา เมื่อ 18 มกราคม 2566 อัยการได้มีคำสั่งฟ้อง ‘ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์’ หรือ ‘ตู้ห่าว’ กับพวก ในความผิด 9 ข้อหา ประเด็นที่สนใจคือข้อหาฟอกเงิน หรือการปกปิดอำพรางเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ให้สืบได้ง่ายว่าต้นทางมันมาจากไหน ซึ่งการฟอกเงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ายาเสพติด
กรณีตู้ห่าว เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบุกค้นผับจินหลิงแล้วพบว่าเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาขนาดใหญ่ ก็ควรตั้งข้อสงสัยได้แล้วว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วยการเปิดสถานบริการต่างๆ ขึ้นมาบังหน้า แต่เมื่อย้อนไปดูกระบวนการดำเนินคดีที่ผ่านมา ตำรวจกลับไม่เคยแจ้งข้อหาฟอกเงินเลย ทั้งที่มีเวลาสืบสวนกว่า 1 – 2 เดือน
เพิ่งจะแจ้งข้อหาเมื่อ 26 ธันวาคม 2565 หลังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เข้ามาร่วมสอบสวน เป็นผลพวงจากการที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์’ ไปร้องเรียนขอให้ อสส. รับคดีตู้ห่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักรเนื่องจากเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ ส่งผลกดดันให้ต่อมาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องยื่นเรื่องเสนอต่อ อสส. ให้เข้ามารับคดีนี้
“พูดง่ายๆ คือถ้าไม่มีใครคอยตามจี้ ตำรวจก็คงไม่ไปเชิญ อสส. เข้ามาร่วมสอบสวน และอาจไม่มีการตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวเลยก็ได้”
รังสิมันต์ กล่าวว่า การที่ตำรวจไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวตั้งแต่แรก ทำให้เกิดข้อกังขา 2 ประการ
- อาจเป็นการเปิดช่องให้มีเวลายักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่จะเป็นของกลางได้
- เกี่ยวพันไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนในธุรกิจเทาๆ ของตู้ห่าวด้วย โดยพบว่าบริษัท เอ็มแอนด์เอ็มทรานสปอร์ตเซอร์วิส จำกัด บริหารโดยพี่ชายของภรรยาตู้ห่าว และระบุที่ตั้งบริษัทเป็นที่เดียวกับที่ตู้ห่าวแจ้งเป็นที่อยู่ตัวเอง จึงชัดเจนว่านี่คือบริษัทในเครือของตู้ห่าว
บริษัทนี้ไปเช่ารถทัวร์จำนวนอย่างน้อย 33 คันจาก หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของนายปฐมพล จันทร์โอชา ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ส.ว. และน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์
รถทัวร์เหล่านี้ เมื่อดูประวัติของตู้ห่าวแล้ว น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาไปใช้ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือใช้พาคนจีนเข้ามาในไทยเพื่อทำกิจกรรมผิดกฎหมายในสถานบริการของตัวเอง ซึ่งรถทัวร์ 33 คันนี้ หจก.คอนเทมโพรารีฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ไปเช่าซื้อมาอีกทีหนึ่งผ่านบริษัทลีสซิ่ง โดยติดต่อกับผู้ผลิตรถประจำทางยี่ห้อ “Sunlong” บริษัทนี้เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษีด้วย
“ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทำให้เป็นข้อสงสัยว่าการที่ สตช. ซึ่งเป็นหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวตั้งแต่แรก และไม่ยอมแจ้งเสียที เพราะอาจทำให้ต้องลากเอาปฐมพล เจ้าของ หจก.คอนเทมโพรารีฯ หลาน พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาด้วย ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงินจีนเทาด้วย ใช่หรือไม่”
ในกรณีหลาน พล.อ.ประยุทธ์ ตนยังมีข้อสังเกต 2 ประการ
- ถ้าบริษัท M&M อยากทำกิจการรถทัวร์ ทำไมไม่ไปทำสัญญาเช่าโดยตรงกับทางผู้ผลิต (Sunlong) หรือบริษัทลีสซิ่งไปเลย ทำไมต้องไปเช่าต่อจาก หจก.คอนเทมโพรารีฯ ที่ก็ไปเช่าซื้อมาอีกทีหนึ่ง อีกทั้ง หจก.คอนเทมโพรารีฯ ทำธุรกิจประเภทรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้มีเหตุที่จะต้องซื้อรถทัวร์จำนวนมากตั้งแต่ต้น จึงย่อมเป็นที่สงสัยได้ว่า การเช่าซื้อหรือการให้เช่ารถทัวร์ที่้เกิดขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงินที่ทำโดยตู้ห่าวด้วยหรือไม่
- อันที่จริง ปฐมพล หลาน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังมีบริษัทอีกแห่งหนึ่ง ที่วัตถุประสงค์ให้บริการเช่ารถโดยตรง ชื่อ บีวิช คาร์ เร้นทอล จำกัด ถือหุ้นร่วมกับเพื่อนรวม 6 คน คนละเท่าๆ กัน จัดตั้งเมื่อ 18 ธันวาคม 2561 ในขณะที่เอกสารใบอนุญาตให้ M&M เดินรถทัวร์ ระบุวันที่ 29 เมษายน 2562 หมายความว่าการให้ M&M เช่ารถทัวร์นั้นทำขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน ซึ่ง ณ ขณะนั้นบริษัทบีวิชฯ ตั้งขึ้นมาแล้ว เป็นบริษัทที่มีความเหมาะสมกว่าทุกประการในการทำสัญญาเช่าซื้อรถทัวร์และให้เช่าช่วงต่อ แล้วทำไมจึงใช้ หจก.คอนเทมโพรารีฯ ซึ่งทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มาเป็นผู้ดำเนินการแทน
“ธุรกรรมที่เกิดขึ้นดูไม่สมเหตุสมผล ไม่ตรงไปตรงมา ย่อมสร้างข้อกังขามากขึ้น เช่นกรณีนี้ เป็นไปได้ว่าผู้ร่วมหุ้นคนอื่นๆ ของบีวิชฯ อาจไม่อยากมาข้องแวะกับงานนี้ เพราะรู้ว่าไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนสีเทาๆ หรือเมื่อไปดูประวัติของ หจก.คอนเทมโพรารีฯ ของหลาน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นที่ถกเถียงในสังคม บางทีเป็นไปได้ว่าธุรกรรมใดๆ ที่ค่อนข้างมีลับลมคมใน อธิบายสังคมยาก ก็อาจถูกรวมไว้ที่ หจก. แห่งนี้ อย่างน้อยเพื่อความสะดวกในการทำบัญชีหรือไม่”
👉 ดังนั้น หากจะเอาผิดกลุ่มจีนเทาเครือข่ายตู้ห่าวเรื่องฟอกเงินแล้ว หลาน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้าข่ายเป็นหนึ่งในผู้ที่สมควรต้องถูกสอบสวนด้วย และในเมื่อทาง อสส. ได้มีคำสั่งฟ้องตู้ห่าวและพวก รวมไปถึงข้อหาฟอกเงินแล้ว จึงต้องถามว่า
- ได้มีการเรียกตัวหลาน พล.อ.ประยุทธ์มาสอบสวนด้วยหรือไม่ มีการสั่งฟ้องหรือไม่ หรือจะดำเนินการใดๆ กับหลาน พล.อ.ประยุทธ์ในอนาคตข้างหน้าหรือไม่ ถ้าไม่มี เพราะอะไร
- ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าหลานตัวเองบริสุทธิ์ ก็ช่วยออกมาตอบสังคมด้วยว่าทำไมเป็นเช่นนั้น
“เราไม่อยากเห็นและไม่อยากมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นพ่อค้ายาหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน วันนี้ผมพยายามใช้กลไกของสภา เพราะหวังว่าท่านจะได้รับโอกาสชี้แจงต่อสังคม ไม่ใช่บ่นโวยวายอยู่ข้างนอกแล้วหาว่าดิสเครดิต เมื่อท่านตัดสินใจไม่มาตอบ เลือกนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่ส่งคนมาชี้แจงแทน เป็นเรื่องน่าผิดหวัง และอาจทำให้ประชาชนยิ่งสงสัย จึงขอเรียกร้องอย่าให้วงศ์ตระกูลจันทร์โอชาเป็นเครื่องมืออยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม”
รังสิมันต์ กล่าว