วันนี้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนดการประมง พ.ศ 2558 ทันเวลาก่อนครบวาระของสภาชุดนี้
ศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะคนหนึ่งที่มีส่วนผลักดันกฎหมายนี้ กล่าวว่ารู้สึกยินดีกับพี่น้องชาวประมงที่ร่างนี้ผ่านวาระแรก เนื่องจาก พ.ร.ก.การประมง 2558 เป็นกฎหมายในยุค คสช. เกิดขึ้นหลังจากสหภาพยุโรปประกาศให้ใบเหลืองประเทศไทย เพราะเห็นว่าไทยไม่มีการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม
ทำให้ทางการไทยปรับปรุงกฎระเบียบและออกบทลงโทษเพื่อเพิ่มความเข้มงวด แต่กลายเป็นว่า กฎหมายที่ออกมาไปกำกับควบคุมพี่น้องชาวประมงอย่างเข้มงวดเกินสัดส่วน ลิดรอนสิทธิการทำประมงพื้นบ้านของชาวประมงทั่วประเทศ หลังการบังคับใช้เกือบ 10 ปี ปัญหาต่างๆ ของพี่น้องชาวประมงยังคงอยู่ ไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย ชาวประมงหลายรายต้องสูญเสียอาชีพและไม่สามารถทำมาหากินได้
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ต้องให้เครดิตพี่น้องชาวประมงที่ต่อสู้ ทั้งผ่านการชุมนุมกดดันและการเข้าร่วมเป็นอนุกรรมาธิการ ยืนยันว่าการแก้ไขกฎหมาย ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องชาวประมงเท่านั้น แต่เพื่อยืนยันหลักสำคัญ 2 ประการ คือ
- การแก้ไขกฎหมายต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนในการทำประมง
- ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและการส่งต่อทรัพยากรถึงคนรุ่นหลัง
“ที่ผ่านมา หลายฝ่ายมีความกังวล เนื่องจากสภาฯ ไม่ครบองค์ประชุมและล่มบ่อย ทำให้กลุ่มพี่น้องชาวประมงกว่า 22 จังหวัดต้องมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้อง ขอให้เลื่อนวาระพิจารณาและรับหลักการร่างกฎหมายนี้ให้ทันสมัยประชุม เพราะจะช่วยให้รัฐบาลหน้าหยิบมาดำเนินการต่อได้เลย ไม่จำเป็นต้องผลักดันกันใหม่”
พรรคก้าวไกลมองว่า ปัญหาของพี่น้องชาวประมง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล นอกจากจะผลักดันร่าง พ.ร.บ. นี้ให้สำเร็จ เราจะเร่งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงให้ลืมตาอ้าปากได้ เช่น การวางมาตรการลงโทษให้เหมาะสมได้สัดส่วน และการผลักดันให้เกิดกองทุนการฟื้นฟู สำหรับประชาชนที่ต้องการกลับไปทำอาชีพประมง เพราะตลอด 8 ปี พี่น้องชาวประมงต้องจอดเรือทิ้งไว้ ไม่สามารถทำมาหากินได้เป็นปกติ กระทบต่อรายได้และหนี้สิน หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ให้แล้วเสร็จ