free geoip

ควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ เกิดได้ เพราะกลไกกำกับการแข่งขันล้มเหลว – จะสู้ทุนผูกขาด ฝ่ายการเมืองต้องถือธงนำ


เมื่อวานนี้มี 2 ข่าวที่สำคัญต่อวงการธุรกิจโทรคมนาคม วงเศรษฐกิจ รวมถึงวงการเมือง นั่นคือการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค ที่เสร็จสมบูรณ์ และมีการตั้งบริษัทใหม่ใช้ชื่อว่า ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ รวมถึงการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาคดีที่มีการยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีมีมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ ซึ่งคำพิพากษาคือ ‘ยกฟ้อง’

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งติดตามการควบรวมนี้มาตลอด ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนความล้มเหลวของกฎหมายและกลไกการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม เพราะทำให้ประเทศไทยเหลือผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเพียง 2 เจ้าอย่างเป็นทางการ และบริษัทใหม่กลายเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งทันที มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50%

ผลกระทบจากการควบรวมที่จะเกิดขึ้น คงไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ เพราะผลการศึกษาจากทั้งสถาบันวิชาการ และผลการศึกษาจากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยืนยันว่าจะส่งผลต่อค่าโทรศัพท์ที่จะเพิ่มขึ้น 10-200% สุ่มเสี่ยงต่อการฮั้วราคา และคุณภาพการให้บริการอาจจะด้อยลงจากการแข่งขันที่ลดลง และตลาดมือถือจะอยู่ในจุดที่สภาวะการแข่งขันตกต่ำ ยากเกินจะฟื้นฟูให้กลับมาอยู่ในจุดเดิม

ปัญหาจึงอยู่ที่กฎหมายที่ กสทช. ใช้ในการกำกับดูแลตลาดที่อ่อนปวกเปียก นำไปสู่ช่องโหว่รูใหญ่ที่ภาคเอกชนมองเห็นลู่ทางที่จะสามารถควบรวมกันได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น และศาลอาญาคดีทุจริตฯ เองก็ใช้บรรทัดฐานเดียวกัน

📌 โดยช่องโหว่รูใหญ่ เริ่มจากการแก้ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม เมื่อปี 2561 โดย กสทช. ตัดอำนาจการอนุญาตควบรวมธุรกิจออกไป เหลือไว้แค่การรับทราบและแค่กำหนดมาตรการเยียวยา แม้จะมีประกาศอีกฉบับเพื่อป้องกันการผูกขาดที่ให้อำนาจอนุญาตไว้ แต่ถ้าเอกชนยืนยันว่านี่คือการควบรวม ไม่ใช่การเข้าซื้อธุรกิจโดยผู้ถือใบอนุญาต ก็จะไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องขออนุญาต

ซึ่งกรณีนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น (เดิม) เลือกที่จะไม่เทคโอเวอร์ดีแทค แต่ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อซื้อหุ้นต่อจากบริษัททั้ง 2 เพียงเท่านี้ก็หลุดพ้นจากขั้นตอนการขออนุญาต แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ตั้งใหม่เป็น ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ อย่างที่ทำไปเมื่อวาน

“เพื่อเช็กว่าเรื่องนี้ขัดกับสามัญสำนึกแค่ไหน ลองจินตนาการว่าในอนาคต หากทรูและเอไอเอส จะควบรวมธุรกิจกันจนค่ายมือถือเหลือ 1 เจ้า ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น”


📌 รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า แนวทางที่จะขันน็อตปิดรูรั่วช่องโหว่ทางกฎหมาย คือการสังคายนากฎหมายแข่งขันทางการค้าครั้งใหญ่ เพื่อให้ทุกกฎหมายอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน เพราะอย่างน้อยในกรณีนี้ ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ยังจำเป็นต้องขออนุญาตเพื่อควบรวมกิจการก่อน

ดังนั้น ประกาศการรวมธุรกิจของ กสทช. ต้องมีการแก้ไข เอาระบบขออนุญาตกลับมา ปรับปรุงเงื่อนไขการขออนุญาตให้รัดกุมยิ่งขึ้น และต้องยกระดับให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีอำนาจในการกำหนดนโยบายแข่งขันทางการค้าของประเทศ คุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภค รวมไปถึงอำนาจที่ระงับยับยั้งการดำเนินนโยบายที่ขัดต่อหลักการแข่งขันที่เป็นธรรม

อย่างไรก็ดี จะยกระดับคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าให้มีอำนาจเพิ่มขึ้น โดยไม่ยกเครื่องคณะกรรมการนี้ใหม่เลย ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะการวินิจฉัยการควบรวมซีพี-เทสโก้ ยังคงสร้างความกังขาให้ประชาชนจนถึงปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องปรับปรุงตั้งแต่กระบวนการสรรหา ไปจนถึงกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย และให้มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น

“สิ่งที่ไม่สามารถตราลงในกฎหมายใด คือความกล้าหาญและซื่อตรงต่อหลักการที่จะสู้กับอำนาจทุนขององค์กรกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า หรือ กสทช. ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ฝ่ายการเมืองเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาการผูกขาด และอยากให้ธุรกิจแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ทั้งปกป้องผลประโยชน์ประชาชนที่เป็นผู้บริโภค และผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ”


รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลทิ้งท้ายว่า สำหรับกรณีการควบรวมทรู-ดีแทคนั้น เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 พรรคก้าวไกลได้ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนและตรวจสอบว่า กสทช. ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่

แม้ตอนนี้ผลการไต่สวนยังไม่ออกมา แต่ก็น่าคิดว่าในเมื่อคำวินิจฉัยของศาลอาญาคดีทุจริตฯ เป็นแบบนี้ ประชาชนก็อาจเหลือความหวังน้อยเต็มทีว่าจะเอาผิด กสทช. ชุดนี้ได้


สื่ออิเล็กทรอนิกส์ของพรรคก้าวไกลนี้ ได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
ผลิตโดย บริษัท สเปกเตอร์ ซี จำกัด จำนวนที่ผลิต 1 ชิ้น งบประมาณ 3,000 บาท ผลิตวันที่ 2 มีนาคม 2566

Login

สินค้าลอตใหม่จะทยอยเข้าตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป สามารถสอบถามก่อนได้ที่โทร 02 8215874 (10.00-18.00 น. จ-ศ เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า