อิทธิพล ชลธราศิริ หรือ “แบงค์ซัย” ผู้ประกอบการวัยบักหล่าคำแพง ชาวขอนแจ่น อายุเพียง 28 ปี แต่มาพร้อมความสำเร็จในชีวิต อิทธิพล มีความฝันเล็กๆ ที่เชื่อว่า อยากจะทำงานเก็บเงินและเดินทางท่องโลกจากเหนือสู่ใต้ ทิศตะวันออกสู่ทิศตะวัน แต่มาวันนี้ อิทธิพลกลับมีความฝันที่ใหญ่กว่าการมองโลกด้วยดวงตาทั้งคู่ของเขา คือการสร้างประเทศไทยและอีสานที่ดวงตาของทั้งโลกต้องมอง นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง และเตรียมลงแข่งขันส.ส. ในนามพรรคก้าวไกล
เป็นไผ มาแต่ไส: จุดเริ่มต้นของอิทธิพล
“ผมเป็นลูกชาวนา พ่อผมเป็นชาวนา แม่ผมเป็นสาวโรงงาน พ่อแม่ผมแยกทางกัน ผมอยู่กับแม่และน้อง พอผมสอบเข้ามข. ได้ แม่กับน้องก็ย้ายไปอยู่กับกรุงเทพ ผมยังอยู่ที่ขอนแก่น ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แล้วก็กู้กยศ. ตอนนั้นผมขายสายไหมปั่น เคสโทรศัพท์ เฉาก๊วยนมสด แล้วก็เริ่มสอนพิเศษ พอเด็กติดก็เปิดโรงเรียนกวดวิชา”
“แล้วก็เริ่มทำแฟรนไชน์อาหาร แล้วก็ได้มีทำแฟรนไชน์ชีสบอล แฟรนไชน์เครปญี่ปุ่น แฟรนไชน์ชานมไข่มุกตักเอง ชิมชา 300 สาขาทั่วประเทศ และทำร้านอาหารแลนด์มาร์กของขอนแก่น ‘จ้วดคาเฟ่’ ครับ “
อยู่ซือๆ ก็ดีแล้ว: สู่พื้นที่การเมืองในนามพรรคก้าวไกล
“ตอนนี้ผมถือว่า ชีวิตมีความสุขมากครับ ผมเองก็เพิ่งแต่งงาน ร้านอาหาร จ้วดคาเฟ่ ก็มีผู้จัดการดูแลแล้ว ผมกับภรรยาตั้งใจว่าจะเที่ยวรอบโลก ผ่านมา 1 ปีแล้ว ที่ได้เดินทางไปเที่ยว ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา เห็นความเป็นอยู่ สภาพชีวิตของคนในหลายประเทศ”
“ผมไปยุโรป ผมเห็นน้ำประปา ผมเองก็เป็นคนบ้านนอกเห็นน้ำตามหมู่บ้าน ยังเป็นน้ำสีขุ่น สีเหมือนโอวัลติน ไหลบ้างบ่ไหลบ้าง มันทำให้เห็นความแตกต่างมากๆ เลยอยากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องพื้นฐานแบบนี้ แล้วผมเองก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากด้วย เพราะที่อื่นเขาก็ยังทำกันได้”
“เลยเกิดเป็นความฝันอยากเปลี่ยนแปลงประเทศขึ้นมา เมื่อ 4 ปีก่อน ผมก็ยังไม่ได้เข้ามาสู่เรื่องการเมือง แต่ติดตามมาตลอด จนกลายมาเป็นพรรคก้าวไกล ก็เห็นผลงานทั้งในสภานอกสภา เห็นการแฉ เปิดโปงการทุจริต เลยคิดว่ามันเปลี่ยนได้ มีกลุ่มคนที่ทำได้”
สู้เขาได่อยู่เบาะ: จุดแข็งของอิทธิพล
“ประสบการณ์และความฝันของเรา ความเชื่อและการต่อสู้ของพรรคก้าวไกล มันตรงกัน มันมาเจอกัน บวกกับผมก็เป็นคนทุกข์ยาก เคยเป็นคนจนมากก่อน ผมเข้าใจปัญหาและความรู้สึกของคนจน ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไร บวกกับผมตอนนี้ ไม่ได้มีภาระ หรือพันธะอะไร ผมพร้อม ผมเลยตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ครับ”
“จุดแข็งของผม คือ ประสบการณ์ ผมเริ่มสร้างชีวิตจากติดลบ ฝ่าฟันหลายอย่างมา ผมเข้าใจชีวิตของคนทุกข์คนยากมากที่สุดคนหนึ่ง เข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่ไหนที่จะเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตคนดีขึ้น จากประสบการณ์การค้าขายข้างทาง จนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมเห็นและอยากแก้ไขมันเป็นต้นตอของปัญหาจริงๆ บวกกับผมเป็นคนมีอุดมการณ์จริงๆ ทำมาหากินสุจริต ไม่เคยคดโกงใคร ก็มีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงชุมชน สังคม ประเทศให้ดีขึ้น”
สุดท้าย อิทธิพลบอกกับเราว่า ทั้งชีวิตและเนื้อตัวของเขา คือจุดแข็งที่สุด ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
“ผมเชื่อว่าประสบการณ์ชีวิตของผม กับการเดินทีละบ้าน พูดคุยทีละหลัง การพบปะพี่น้องประชาชนให้คนเข้าใจเรา ตรงนี้แหละจุดแข็ง”
