Next Step ก้าวต่อไป
เพื่อการันตีว่าความเท่าเทียมทางเพศเกิดขึ้นกับทุกคนจริงๆ
พรรคก้าวไกลมีพันธกิจและเป้าหมายสำคัญ คือสังคมที่เท่าเทียมและยอมรับความหลากหลาย เราจึงดำเนินทุกนโยบายเพื่อผลักดันสังคมให้ไปถึงจุดนั้น
พรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่านค้านเชิงรุก เราใช้กลไลนิติบัญญัติผลักดันกฎหมายต่างๆ ให้ยอมรับความหลากหลายและสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ เพราะเราเชื่อว่าสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่รอไม่ได้ ประเทศนี้จึงต้องเปลี่ยน ต้องคืนสิทธิ์และศักดิ์ศรีให้เราเท่ากัน
1. #สมรสเท่าเทียม
พรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 แม้ในขณะนั้นจะถูกสกัดกั้นจากรัฐบาลเดิมและต้องต่อสู้ในหลายๆ ขั้นตอน จนเกิดการยุบสภาและร่างกฎหมายก็ตกไป เมื่อเลือกตั้งใหม่ในสมัยสภาผู้แทนฯ ชุดที่ 26 พรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมอีกครั้งพร้อมกับร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศอื่นๆ ก้าวแรกแห่งความหวังเริ่มต้นขึ้นเมื่อร่างกฎหมายได้รับการบรรจุเข้าวาระและผ่านในการประชุมสภาผู้แทนฯ พร้อมกับร่างกฎหมายจากภาคส่วนอื่นๆ และสุดท้ายวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ร่างกฎหมายนี้ได้ก้าวมาถึงความจริง เมื่อสมาชิกวุฒิสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวาระ 3 ซึ่งครบรอบ 4 ปีพอดีตั้งแต่พรรคก้าวไกลยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯ ครั้งแรก
เดิมทีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้ให้สิทธิการก่อตั้งครอบครัวหรือการสมรสแก่บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่เมื่อกระแสพลวัตของสังคมเปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่รัฐต้องจัดสรรให้กับประชาชน เพื่อให้คนทุกคนสามารถสร้างครอบครัวได้ โดยมีสิทธิและหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อย่างเท่าเทียมกัน
พรรคก้าวไกลจึงได้เสนอแก้ไขมาตรา 1448 จากคำว่า “ชาย” และ “หญิง” เป็น “บุคคล” อันเป็นคำที่หมายรวมถึงทุกเพศ นอกจากนี้ยังแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในมาตราอื่นๆ ที่มีคำว่า “ชาย” และ “หญิง” ให้สอดคล้องกับมาตรา 1448 เพื่อให้การจดทะเบียนสมรสเกิดความเท่าเทียมกันทุกเพศ ไม่ว่าจะเป็น “ชาย” หรือ “หญิง” หรือบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ
อีกทั้งยังแก้ไขคำว่า “สามี” และ “ภริยา” เป็น “คู่สมรส” ในกฎหมายด้วย เพื่อให้การจดทะเบียนระหว่างสองบุคคลได้รับสิทธิและมีบทบาทหน้าที่ต่อกันในฐานะคู่สมรส ไม่ว่าจะเป็นการอภิบาลดูแลกัน การดำเนินคดีแทนกัน สิทธิในการทำประกันชีวิต สิทธิในการรับอุปการะบุตร การจัดการทรัพย์สินร่วมกัน การลดหย่อนภาษี สิทธิของราชการ รวมถึงเหตุแห่งการฟ้องหย่า ตลอดจนแก้ไขหมวดหมั้นให้เป็น “ผู้หมั้น” และ “ผู้รับหมั้น” เพื่อให้บุคคลทุกเพศสามารถหมั้นกันได้ นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนอายุการสมรสจาก 17 ปี เป็น 18 ปี เพื่อให้เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กสากลซึ่งกำหนดไว้ว่าบุคคลที่อายุไม่เกิน 18 ถือว่าเป็นผู้เยาว์ เพื่อให้ผู้เยาว์ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
2. #คำนำหน้าตามสมัครใจ
นอกจาก “สมรสเท่าเทียม” แล้ว ก้าวต่อไปที่พรรคก้าวไกลจะผลักดันคือ “คำนำหน้าตามสมัครใจ” เพราะเราเชื่อว่าบุคคลย่อมมีสิทธิ์ที่จะระบุเพศและเลือกคำหน้าหน้านามให้สอดคล้องกับเจตจำนงและอัตลักษณ์ทางเพศของตน จึงได้ยื่นร่างกฎหมายคำนำหน้าตามสมัครใจเข้าสภาฯ พร้อมกับชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศอื่นๆ ทว่าร่างกฎหมายนี้กลับถูกปัดตกจากสภาฯ ตั้งแต่วาระแรก เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลไม่ได้ยอมแพ้ และได้เริ่มต้นตั้งคณะทำงานเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับเดิมให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยจะยื่นร่างกฎหมายฉบับแก้ไขใหม่เข้าสภาฯ อีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้
การระบุเพศและคำนำหน้านามในทะเบียนราษฎรเป็นการแจ้งตามเพศกำเนิดเมื่อแรกเกิดจากแพทย์ ทำให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศแตกต่างจากเพศกำเนิดเกิดอุปสรรคในการยืนยันตัวตนสำหรับการเดินทาง การธนาคาร และการดำเนินชีวิต เนื่องจากมีอัตลักษณ์ทางเพศสภาพไม่สอดคล้องกับเอกสาร ดังนั้น รัฐจึงควรให้สิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำนำหน้านามให้เป็นไปตามเจตจำนงและอัตลักษณ์ทางเพศของแต่ละบุคคล ทั้งสำหรับบุคคลที่ต้องการดำเนินชีวิตในเพศที่แตกต่างจากเพศกำเนิด และบุคคลที่เป็นอินเตอร์เซ็กซ์ (Intersex) เพื่อให้ข้อมูลทางการทะเบียนราษฎรสอดคล้องต่อการดำเนินชีวิตในเพศสภาพของบุคคลนั้น ลดอุปสรรคในการดำเนินชีวิตและการยืนยันตนในการทะเบียนต่างๆ ตลอดจนเป็นการปรับปรุงข้อมูลทะเบียนราษฎรให้ตรงต่อความเป็นจริงอยู่เสมอ
3. #คุ้มครองบริการเพศ
นอกจากเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐพึงมอบคืนให้ประชาชนแล้ว รัฐยังต้องมีหน้าที่ในการคุ้มครองชีวิตประชาชนด้วยเช่นกัน การบริการทางเพศถือเป็นอาชีพสุจริต ต้องไม่ผิดกฎหมาย และแรงงานในอาชีพการบริการต้องได้รับการคุ้มครอง พรรคก้าวไกลจึงเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองพนักงานการบริการทางเพศ และเตรียมวางแผนยื่นเข้าสภาฯ เร็วๆ นี้
แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะบัญญัติให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลไว้ แต่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ที่ใช้บังคับมาเป็นเวลายาวนานกลับมีบทบัญญัติที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เพราะกำหนดให้การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีเป็นความผิด ซึ่งปัจจุบันแนวทางการบัญญัติกฎหมายในประเทศต่างๆ กำหนดให้การค้าประเวณีโดยสมัครใจไม่เป็นความผิด เพราะถือว่าเป็นเสรีภาพในการประกอบอาชีพและเสรีภาพในร่างกายของผู้ค้าประเวณี
ดังนั้น จึงสมควรที่จะต้องมีกฎหมายว่าด้วยการให้บริการทางเพศและคุ้มครองผู้ให้บริการ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการข้างต้น และเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีได้ประกอบอาชีพอย่างถูกต้อง มีระบบการกำกับดูแลที่เหมาะสม ได้รับสิทธิ สวัสดิการสังคม และความคุ้มครองตามกฎหมาย
4. #SexEducation
พรรคก้าวไกลเชื่อว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการออกแบบการรับรู้ของสังคม คือการทำความเข้าใจเรื่องเพศโดยปราศจากอคติและความเกลียดชังด้วยเหตุแห่งเพศ
พรรคก้าวไกลจึงเสนอแผนปฏิรูปการสอนเพศศึกษา (Sex Education) ในโรงเรียน โดยให้ความสำคัญกับค่านิยมต่างๆ เช่น ความเข้าใจเรื่องความยินยอม (Consent) ความหลากหลายทางเพศ รวมถึงการสอนเรื่องเพศทางกายภาพอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เยาวชนเข้าใจความสำคัญของการป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
5. #ขจัดการเลือกปฏิบัติ
แม้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล รวมถึงบัญญัติไว้อย่างชัดแจ้งว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลจะกระทำมิได้” แต่ปัจจุบันบุคคลที่มีความแตกต่างหลากหลายในสังคมไทยยังคงต้องเผชิญกับปัญหาการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งในการทำงาน การประกอบอาชีพ การเข้าถึงสินค้าและบริการ การเข้าถึงการศึกษา หรือการรักษาพยาบาลและสวัสดิการสังคมต่างๆ
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือ ประเทศไทยยังขาดกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์ มาตรการ และกลไกในการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลในภาพรวม ซึ่งรวมถึงไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานที่มีภารกิจเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลเป็นการเฉพาะ ยังขาดกลไกที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรในภาคส่วนต่างๆ ที่จะมาร่วมแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ตลอดจนไม่มีกลไกในการคุ้มครองและช่วยเหลือเยียวยาบุคคลที่ถูกเลือกปฏิบัติและป้องกันไม่ให้การเลือกปฏิบัติต่อบุคคลเกิดขึ้นซ้ำสอง
ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงกำลังผลักดันร่างกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติให้เกิดขึ้นในสังคมไทยให้ได้ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนทุกคน
6. #สุขภาพเพศ
สุขภาพเพศ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่รัฐจำเป็นต้องคำนึงถึงทุกวัย นั่นคือ การสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมทางสุขภาพของผู้หญิงและทุกเพศ ทุกวันนี้ประชาชนต้องจ่ายเงินซื้อผ้าอนามัยทุกเดือน ทำให้ผู้หญิงมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอย่างมากเมื่อเทียบกับประชากรกลุ่มอื่นๆ ทั้งนี้ การเข้าไม่ถึงผ้าอนามัยยังจำกัดโอกาสของผู้หญิง เช่น เด็กผู้หญิงต้องหยุดเรียนในวันที่มีประจำเดือน การแจกผ้าอนามัยจึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ให้ผู้หญิงเข้าถึงสุขภาพที่ดี และไม่ถูกจำกัดโอกาสหรือถูกเลือกปฏิบัติเพราะเป็นผู้หญิง หรือเพราะเป็นคนมีเมนส์ หรือเพราะว่าแค่มีมดลูก
พรรคก้าวไกล จึงผลักดันนโยบายผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน ซึ่งเป็นการขจัดความจนประจำเดือน (period poverty) โดยเฉพาะผู้ที่มีช่วงอายุ 10-25 ปี ให้เข้าถึงผ้าอนามัย มีความรู้ความเข้าใจในสิทธิเนื้อตัวร่างกาย ตลอดจนรัฐควรลดภาระค่าใช้จ่ายผู้มีประจำเดือน (ทุกคนที่มีประจำเดือน) โดยยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในหมวดหมู่ผ้าอนามัยและของใช้ของวัยเจริญพันธุ์
7. #Business&HumanRights
ทุกวันนี้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศยังคงพบอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก เช่น กรณีธนาคารพาณิชย์มีข้อบังคับให้ผู้ใช้บริการใช้คำนำหน้านามและเครื่องหมายระบุเพศสภาพ (Gender Marker) ตามเพศกำเนิดในการทำธุรกรรมกับธนาคาร ซึ่งไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมปัจจุบันที่มีความหลากหลายของกลุ่มอัตลักษณ์ทางเพศ และอาจก่อให้เกิดการตีตราและเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ
พรรคก้าวไกลจึงมีข้อเสนอคือ การยึดตามแนวทางปฏิบัติสากลขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights) เพื่อสร้างมาตรฐานการปฏิบัติในการใช้คำนำหน้านามและเครื่องหมายระบุเพศสภาพ หรือการระบุตัวตนสำหรับธนาคารพาณิชย์และภาคธุรกิจให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล เพื่อคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ
สุดท้ายนี้ พรรคก้าวไกลมุ่งมั่นว่าจะผลักดันทุกนโยบายและร่างกฎหมายต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ประชาชนทุกอัตลักษณ์ทางเพศมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและราบรื่นในสังคมไทย
ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้อง “คืนสิทธิ์ คืนศักดิ์ศรี ให้เราทุกคนเท่ากัน”
#ก้าวไกล #ฝ่ายค้านเชิงรุก #PrideAlways #คืนสิทธิ์คืนศักดิ์ศรีให้เราเท่ากัน