พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมาร์หลังมีการรัฐประหารเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนกระทั่งมีการใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารอย่างโหดเหี้ยมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศหลายสิบคนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทำให้องค์การสหประชาชาติ รวมทั้งชาติในอาเซียนเองเริ่มออกมาแสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่ง และเริ่มกดดันให้ทางการเมียนมาร์หยุดใช้ความรุนแรงสังหารประชาชน และเร่งปล่อยตัวนักโทษการเมืองรวมทั้งนางอองซานซูจีและอดีตประธานาธิบดีวินมินที่ถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีในช่วงการยึดอำนาจด้วย
โดยในวันนี้ (2 มีนาคม 2564) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 10 ประเทศอาเซียน (ASEAN) จะมีการประชุมผ่านระบบ Video Conference เพื่อรับฟังข้อมูลและข้อเท็จจริงจากผู้แทนรัฐบาลคณะรัฐประหารเมียนมา
ตนจึงอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลไทย นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ถึงแม้มาจากการรัฐประหารและสืบทอดอำนาจเหมือนกัน และ ดอน ปรมัตถวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องสักครั้งในชีวิต การไม่ให้การรับรองและไม่ให้การยอมรับรัฐบาลรัฐประหารเมียนมาร์ และร่วมกับกลไกระหว่างประเทศทั้งในระดับภูมิภาคอย่างอาเซียน (ASEAN) และในระดับโลกอย่างองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อให้มีบทบาทในการคืนอำนาจให้ประชาชน กลับมาเดินบนเส้นทางประชาธิปไตยและโดยสันติอีกครั้ง
ในทางตรงกันข้าม หากรัฐบาลไทยยังคงให้การรับรองรัฐบาลรัฐประหารเมียนมาร์และหลับตาข้างเดียวกับการเข่นฆ่าประชาชนเช่นนี้อยู่ เกรงว่าจะเป็นที่โจษจันของทั้งประชาชนชาวไทย ชาวเมียนมาร์ และประชาคมโลกว่าเป็นมหามิตรเผด็จการอำนาจนิยมคู่กันที่จะฉุดรั้งพัฒนาการประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ ตามสำนวน “ผีเน่ากับโลงผุ”
“เห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ที่กล่าวว่าแม้อาเซียนจะมีหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน แต่อาเซียนสามารถมีบทบาทในการส่งเสริมเพื่อสร้างเวทีเพื่อให้ทุกฝ่ายมาเจรจาร่วมกันเพื่อกลับสู้ครรลองประชาธิปไตยและเสถียรภาพในภูมิภาคได้”
พิจารณ์กล่าว