พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่กองทัพประกาศยืนยันชัดเจน ว่าจะไม่เลื่อนการเรียกทหารเกณฑ์ ผลัด 1/2564 เข้ารายงานตัว ในวันที่ 1 พฤษภาคม ตามกำหนดการณ์เดิม โดยระบุว่า ในขณะที่รัฐบาลออกมาตรการระงับ ยกเว้น การทำกิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจ และการเคลื่อนย้ายของประชาชน ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 50 คน ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และกทม.ก็ออกคำสั่งปิดสถานศึกษา สถานบริการ สถานบันเทิงต่างๆ เป็นระยะเวลา 14 วัน หรือหากคิดง่ายๆ สมมุติว่า 1 พ.ค.นี้ จะเป็นวันเปิดภาคเรียน รัฐบาลก็คงจะต้องสั่งระงับการเรียนการสอนแบบปกติและให้เรียนทางออนไลน์แทน
แต่เมื่อหันไปมองทางกองทัพ กลับยังยืนยันเดินหน้าให้ทหารเกณฑ์เข้ารายงานตัวตามปกติ โดยไม่ยอมเลื่อนกำหนดการ และอ้างว่ามีการออกมาตรการป้องกันโรคที่รัดกุมในทุกเรื่อง ซี่งอ่านแล้วรู้สึกขำ เพราะถึงขนาดสั่งให้การเดินทางเข้ารายงานตัวในหน่วยต่างๆ ให้เดินทางในเวลากลางคืนเพื่อป้องกันความแออัดตามปั๊มน้ำมัน ในกรณีที่ต้องหยุดพักเข้าห้องน้ำ แต่กลับไม่มีการวางแผนที่จะใช้ชุดตรวจ PCR หรือ Rapid Test ในการคัดกรองโรคทหารเกณฑ์ใหม่ มีแค่เพียงการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเพียงเท่านั้น สรุปว่านี่คือการคัดกรองคนเข้าห้างสรรพสินค้าหรือเข้าค่ายทหารกันแน่??
“ความน่าเป็นห่วงของเรื่องนี้ คือ การรวมตัวของทหารเกณฑ์ใหม่ที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ หากมีทหารเกณฑ์ที่เป็นผู้ติดเชื้อ แต่ยังไม่มีอาการปะปนเข้าไปฝึก และกินนอนร่วมกัน แล้วเกิดการแพร่ระบาดในค่ายทหารกันขึ้นมาบรรลัยแน่ เพราะจำนวนทหารเกณฑ์ผลัด 1 มีถึง 30,000 คนเศษ” พิจารณ์ กล่าว
พิจารณ์ กล่าวต่อไปว่า หากกองทัพไม่สามารถชี้แจงถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องให้ทหารเกณฑ์รายงานตัวในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันแบบนี้ได้ ก็เรียกร้องให้เลื่อนการรายงานตัวออกไปก่อน เชื่อว่าการเลื่อนออกไป 30-60 วัน จะเสียหายน้อยกว่ากองทัพเป็นแหล่งคลัสเตอร์ใหญ่ในการแพร่เชื้อเสียเองภายใต้สถานการณ์ที่ความพร้อมด้านสาธารณสุขยังมีปัญหาแบบนี้ ล่าสุดมีข่าวจากกรมควมคุมโรคว่าได้มีการประชุมร่วมกับผู้แทนกองทัพในประเด็นนี้ คงต้องรอดูว่าในวันสองวันนี้ กองทัพจะยอมเลื่อนหรือไม่
ขณะที่ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางแค และโฆษกพรรคก้าวไกล ซึ่งเคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อนได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอใช้มุมมองจากประสบการณ์แสดงทัศนะ คิดว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด 19 กำลังแพร่ระบาดรุนเเรง ขอเรียกร้องให้กองทัพพิจารณาการเรียกกำลังพลเข้ารับราชการทหารของกองทัพครั้งนี้ใหม่ และขอตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่กองทัพจำเป็นต้องเรียกพลทหารเข้ากองทัพเวลานี้ เพราะเหล่าทัพขาดทหารรับใช้ใช่หรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันพบว่าส่วนใหญ่ทหารที่รับราชการในกองทัพก็ปฏิบัติงานในรูปแบบ work form home จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นใด ในการที่กองทัพจะเรียกพลทหารเข้าประจำการ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
“กรณีนี้หากกองทัพจะดำเนินการต่อ เกรงว่าพลทหารมากกว่า 30,000 นาย จากทุกสารทิศที่มารวมตัวกัน จะต้องพบเจอความเสี่ยงทั้งต่อตัวพวกเขาเอง และเสี่ยงต่อสถานการณ์ในภาพรวมที่อาจกลายเป็นแหล่งเเพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลัสเตอร์ใหม่ เรื่องนี้จึงขอให้กองทัพออกมาชี้เเจง โดยเฉพาะผู้นำเหล่าทัพ ที่สำคัญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องชี้เเจงต่อประชาชน ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบกต่อกรณีดังกล่าวด้วย” โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุ