- ติดตามภารกิจ ‘สู้โควิดเชิงรุก’ กับ ‘ส.ส.เท้ง บางแค’ นำ แล็บ-รถเอ็กซเรย์ ไปหาประชาชนถึงที่
- เผยผลตรวจ ‘ชุมชนบ้านขิง’ พบผู้ติดเชื้อเกิน 67 ราย
“วันนี้สถานการณ์ตึงมือต้องช่วยกันเต็มที่
ไม่เฉพาะบางแค บางบอนก็ช่วยประสานไปแล้วหลายเคส”
จากกรณีการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ถือว่าเป็นการระบาดครั้งใหญ่โดยมีคลัสเตอร์หลักในการระบาดช่วงนั้นอยู่ที่ ‘ตลาดบางเเค’ นั่นจึงทำให้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ ส.ส. เท้ง ไม่นิ่งนอนใจ เปิดปฏิบัติการปูพรมรุกตรวจเต็มที่ทั้งด้วยศักภาพส่วนตัวและการเชื่อมต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบ
ภายใต้การใต้การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส.ส. เท้ง พร้อมทีมงานเขตบางแค ได้ดำเนินการแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างเต็มที่มาตั้งแต่ก่อนเกิด ‘คลัสเตอร์ทองหล่อ’ หรือเรียกได้ว่าเริ่มทำงานทุกวันมาตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ไม่ว่าจะเป็นการรับเรื่องร้องเรียนหรือการขับเคลื่อนมาตรการตรวจเชิงรุก
“สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเเพร่ระบาดที่คลัสเตอร์ตลาดบางเเค พบว่า ประชาชนในพื้นที่เขตบางแคจำนวนมากขาดขาดการดูเเลอำนวยความสะดวกจากภาครัฐ เเละมีระบบสาธารณสุขที่ยังไม่เอื้อต่อการบริการประชาชน เช่น กรณี ‘ชุมชนบ้านขิง’ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ผมกับพี่อำนาจ (อำนาจ ปานเผือก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางเเค) เเละทีมงานจึงนำการตรวจเชิงรุกด้วยวิธี Swab test ลงไปที่นั่นเพื่ออำนวยความสะดวกพร้อมกับนำรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ไปด้วยเพื่อคัดกรองความหนักเบาของอาการตามความเร่งด่วน
“ผลการรุกตรวจทำให้ค้นพบว่ามีประชาชนในพื้นที่ติดเชื้อมากกว่า 67 ราย ซึ่งในการตรวจครั้งนี้ก็คือการนำเงินเดือน ส.ส. ซึ่งก็คือสิ่งที่ได้รับมาจากประชาชนไปดูแลประชาชนในฐานะผู้แทนราษฎร โดยวิธีการตรวจจะเริ่มต้นจากการตรวจวงผู้ที่อยู่ใกล้ผู้ป่วยจำนวน 20 รายเเรกและขยายออกไปเหมือนการสืบค้นโรค เนื่องจากเราต้องค้นหาจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจึงจะจำกัดการระบาดในพื้นที่ได้เร็ว เป็นการนำร่องการตรวจเชิงรุกในพื้นที่บางแคซึ่งเดิมจะตั้งอยู่เฉพาะจุดใหญ่อย่างตามห้าง ทำให้เกิดการกระจุกตัวกันของคนจำนวนมาก ส่วนที่ตรวจเเล้วพบว่าติดเชื้อ เราจะประสานการขอตรวจซ้ำอีกครั้งที่โรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาและมีเตียงในการรักษาพยาบาล”
สำหรับชุมชนบ้านขิง ทีมงานของ ส.ส. เท้ง ไม่ได้ลงพื้นตรวจในเชิงรุกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ได้ลงไปหลายครั้ง รวมทั้งให้ประชาชนได้เอ็กซเรย์ปอด ซึ่งคนในพื้นที่ก็ได้มีการเรียกร้องให้เพิ่มการตรวจ แต่เนื่องจากมีงบจำกัด เพราะเป็นงบส่วนตัวร่วมกับทีมงานเท่าที่รวบรวมกันมาได้ จึงต้องออกแบบจัดสรรให้มีศักยภาพที่สุดจึงเน้นไปที่การตรวจกลุ่มที่เสี่ยงสูงเป็นเป้าหมายหลักก่อน
- ฟังกันชัดๆ อีกครั้งจาก อำนาจ ปานเผือก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. บางแค เรียนไปยัง “ผู้หวังดี” ต่อชุมชนบ้านขิงทั้งหลาย https://www.facebook.com/100036532758881/videos/463748188186269
“การตรวจเชิงรุกของทีมงานพรรคก้าวไกล ทำให้พบว่าในชุมชนมีประชาชนมากกว่า 60 รายติดเชื้อ นั่นคือสิ่งที่เราทำได้ เราค้นหาเพื่อคัดกรองประชาชนที่ติดเชื้อออกมาและนำเขาไปสู่ขั้นตอนในการรักษา เป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และเป็นรักษาชีวิตเขาให้ได้อย่างทันท่วงที สิ่งที่อยากบอกคือ ในวันนี้สถานการณ์ตึงมือมาก ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าเขตไหนหากได้รับเรื่องมาเราก็ดูแลโดยไม่จำเป็นต้องแยกพื้นที่ เพราะเชื้อโรคไม่จำกัดพื้นที่ ยิ่งเราทำได้เร็ว หาตัวผู้ติดเชื้อได้เร็ว การรักษาและการควบคุมการระบาดก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ ลดภาระของระบบสาธารณสุข อย่างเช่นกรณีของบางแค แม้จะเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ในช่วงแรกเนื่องจากเป็นพื้นที่เชื่อมต่อจากคลัสเตอร์สมุทรสาครและมีแรงงานข้ามชาติอยู่พอสมควร แต่มาตรการเชิงรุกที่เราทำอย่างน้อยก็ยันสถานการณ์ไม่ให้กลายเป็นจุดระบาดใหญ่ได้เหมือนที่เกิดขึ้นกับกรณีของคลัสเตอร์ทองหล่อ และไม่เฉพาะบางแคเท่านั้น อย่างบางบอนที่มีเข้ามาก็ช่วยประสานไปแล้วหลายเคส”
ในเรื่องนี้ อำนาจ ปานเผือก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางเเค เล่าถึงการทำงานในทีมบางแคว่า ตั้งแต่ครั้งแรกเลยคือได้ลงไปตรวจคัดกรองเชื้อที่ชุมชนบ้านขิง โดยตรวจประชาชนไปกว่า 98 คนเเบบเชิงรุก มี 31 คนที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ตอนนั้นผลออกมาว่ามีผู้ติด 9 คน สะท้อนว่า เเล็บที่เรานำมามีประสิทธิภาพ 100% และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า น่าจะมีผู้ติดเชื้อแฝงอยู่อีกจำนวนหนึ่งจึงประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเเละสำนักเขตบางเเคมาตรวจอีกครั้ง ผลปรากฎว่า มีผู้ติดเชื้อกว่า 24 ราย รวมเเล้วมีผู้ติดเชื้อในชุมชนบ้านขิงกว่า 67 ราย ปัจจุบัน ทั้งหมดได้รับการรักษาที่สถานพยาบาลทั้งหมดเเล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์เอราวัณเป็นผู้รับประสานงานต่อ
“พวกเราเต็มที่ ทำเท่าที่เราจะทำได้ และเราทำตามนโยบายรัฐบาลทุกขั้นตอน ชุมชนอื่นจะตั้งคำถามว่า ทำไม ส.ส. กับทีมงานไปแต่บ้านขิง เหตุผลเพราะในวันนี้ชุมชนบ้านขิงติดโควิดไปแล้วเกือบร้อยคนจากการตรวจโควิดราว 300 คน แต่ในชุมชนมีประชาชนอยู่ราว 1,000 คน ดังนั้น จึงมีอีกกว่า 700 คน ที่ยังไม่ได้ตรวจ จุดนี้จึงต้องมีความเร่งด่วนอย่างยิ่งในการมีมาตรการเชิงรุก ซึ่งได้รับแจ้งว่าทางสำนักงานเขตบางเเคได้ประสานกับศูนย์สาธารณสุข 40 เตรียมไปตรวจคัดกรองเพิ่มแล้ว แรงขับเคลื่อนเหล่านี้เป็นผลมาจากความพยายามที่ทีมของพวกเราต้องการค้นหาผู้ที่ติดเชื้อให้ได้เร็วที่สุดเพื่อแยกออกมาเพื่อตัดวงจรการระบาด” อำนาจกล่าว
ปัจจุบัน ส.ส. เท้ง และทีมงานก้าวไกลบางเเค ยังลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ผลจากการปฏิบัติงานจึงสะท้อนออกมาให้เห็นว่า ได้ทำให้เขตบางเเคซึ่งเคยเป็นคลัสเตอร์เสี่ยงสูงมีแนวโน้มการระบาดในพื้นที่ลดลงไปถึงร้อยละ 80 ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจเริ่มพลิกฟื้น และประชาชนเริ่มมีความมั่นใจกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง จนกระทั่งเกิดการระบาดใหม่ระลอก 3 อันเป็นผลโดยตรงจากความย่อหย่อนของภาครัฐที่ทำให้เกิด ‘คลัสเตอร์ทองหล่อ’ ขึ้น จึงทำให้เศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังมีความหวังต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง
สำหรับการชะลอและเฝ้ายันสถานการณ์ ‘การรุกตรวจ’ จะยังเป็นแนวทางสำคัญที่ต้องดำเนินต่อไป แต่เป็นที่รู้กันดีว่า ‘กุญแจ’ ดอกสำคัญที่จะช่วยให้สถานการณ์ครั้งนี้สิ้นสุดลงได้จริงก็คือการมี ‘วัคซีน’ เท่านั้นและจะต้องเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพรวมถึงสามารถกระจายไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งนั่นก็คือบทบาทหน้าที่โดยตรงที่ ‘รัฐบาล’ จะต้องรับผิดชอบให้ได้ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไปนั่นเอง