เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 64 วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนปีกเเรงงาน พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กล่าวถึงการตัดลดงบประมาณและตรวจพบข้อสงสัยต่อการเบิกจ่ายที่ผิดปกติของ ‘กองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ’ ซึ่งมีตัวแทนจากกระทรวงการคลังเข้าชี้แจงกับกรรมาธิการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
ในปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตัดลดงบประมาณกองทุนสวัสดิการประชารัฐจากเดิมวงเงิน 50,000 ล้านบาท เหลือเพียงวงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยได้ชี้เเจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เงินในส่วนงบประมาณปี 64 คงเหลือ รัฐบาลจึงได้ตัดงบประมาณของกองทุนสวัสดิการประชารัฐออก แต่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังนำข้อมูลรายงานประจำปีของงบประมาณปี 2564-2565 เข้าชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการ พบข้อเท็จจริงว่าเงินในส่วนงบประมาณปี 2564 ใช้ได้ถึงแค่วันที่ 30 เมษายน 2564 จำนวนประมาณ 28,000 ล้านบาท ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้นจะกล่าวว่าเงินเหลือไม่ได้ เพราะยังเหลืออีก 5 เดือนที่ยังไม่ได้จัดสรรตามปีงบประมาณที่สิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน โดยงบประมาณที่เหลือจะจ่ายในครึ่งปีหลัง
“ในฐานะกรรมาธิการใน กมธ.งบประมาณฯ ได้ซักถามข้อสงสัยต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังว่า ตกลงเเล้วข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เป็นตามที่พลเอกประยุทธ์ชี้เเจงในสภาผู้แทนราษฎร หรือตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการ รวมถึงในประเด็นการทำเเผนงบประมาณของกระทรวงการคลังที่นำเสนอของบประมาณในส่วนของงบประมาณปี 2565 มีเเผนแต่ละไตรมาสอย่างไร ซึ่งพบว่าในไตรมาสที่ 3 มีเเผนใช้งบประมาณเหลือเพียง 495 ล้านบาท เเละในแผนไตรมาสที่ 4 ไม่มีแผนการใช้งบประมาณที่เกี่ยวกับกองทุนสวัสดิการประชารัฐเลย”
เมื่อซักถามต่อในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า เหตุใดตัวเลขจึงออกมาเช่นนี้ เเละมีการวางเเผนในอนาคตอย่างไร ? วรรณวิภา กล่าวว่า ทางผู้ชี้เเจงได้ตอบว่า จะทำเรื่องของบประมาณในส่วนกองทุนสวัสดิการประชารัฐคืนกลับมา เนื่องจากตัวเลขงบประมาณที่ตั้งไว้จำนวน 30,000 ล้านบาทไม่เพียงพอต่อเป้าหมายของจำนวนประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ โดยทางกระทรวงการคลังยังตั้งเป้าหมายอนาคตว่าในปี 2566 – 2567 ได้ตั้งงบประมาณไว้ 77,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีจำนวนคนจนลดลงปีละ 500,000 คน
“ข้อสังเกตต่อกรณีนี้คือ ทางกระทรวงการคลังนำหลักเกณฑ์อะไรมาใช้ชี้วัดว่า เเต่ละปีจะมีจำนวนคนจนลดลงปี 500,000 คน หรือหมายความว่า อีกไม่เกิน 8 ปี เราจะไม่มีคนจนในประเทศไทยเลยใช่หรือไม่ เเละในเล่มเอกสารรายงานงบประมาณฯ ปี 65 ได้ทำงบขาดดุลไว้ ขาดประมาณ 40,000 ล้านบาทที่จะนำมาชดเชยในส่วนงบของกองทุนสวัสดิการประชารัฐ”
นอกจากนี้ วรรณวิภา ยังกล่าวถึงกรณีที่กองทุนสวัสดิการประชารัฐมีปัญหาว่า ได้นำวาระเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่ได้รับรองร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 65 เนื่องจากมีเอกสารเพียง 5 หน้ากระดาษ และยังมีกรณีที่ สตง. ลองสุ่มตรวจผู้เสียชีวิตจำนวน 100 กว่าคน ปรากฏพบว่ายังมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ยังใช้สิทธิ์บัตรประชารัฐประมาณ 22 คน หรือ ประมาณ 1 ใน 5 จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความไม่โปร่งใสในการใช้เงินในส่วนงบประมาณที่นำมาใช้บริหารจัดกองทุนประชารัฐ
วรรณวิภากล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะที่เป็น กมธ.งบประมาณฯ ปี65 ในสัดส่วนพรรคก้าวไกล พร้อมทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในส่วนด้านรัฐสวัสดิการอย่างเต็มที่ตามที่หารือกันในส่วน กมธ.พรรคก้าวไกล จะตัดงบประมาณในชื่อโครงการที่ซ้ำซ้อนไม่สมเหตุสมผล เบื้องต้นพบว่ามีกว่า 10 โครงการ จำนวนงบประมาณรวมหลายร้อยบาท ซึ่งหากมีข้อมูลหรือคำชี้แจงที่ไม่ชัดเจนก็จะเสนอให้ตัดงบในส่วนนี้ออกไป
“การทำงานของกรรมาธิการพรรคก้าวไกล มุ่งเน้นไปที่การรีดไขมันในส่วนงบประมาณที่ไม่จำเป็นมารวมไว้กองกลางก่อนจะกระจายคืนในส่วนงบประมาณที่จำเป็นต่อประชาชน ซึ่งจะเป็นก้าวแรกของการสร้างรัฐสวัสดิการ และเป็นส่วนสำคัญที่จะพัฒนาเเละยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้ตรงจุดเเละเป็นฐานในการพัฒนาประเทศให้มั่นคงในอนาคต”
วรรณวิภา ระบุ