“นุชไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ตั้งแต่ติดโควิดก็ไม่มีงานทำเลย นุชขออโหสิกรรมพ่อและแม่นะคะ ชาตินี้นุชหมดบุญแล้ว นุชไม่ไหวแล้วจริงๆ”
นี่คือข้อความในจดหมายลาตายที่หญิงรายหนึ่งทิ้งไว้ก่อนกระโดดจากสถานีบีทีเอสลงสู่พื้นถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร จนทำให้มีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ กระทบกระเทือนสมอง จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
วรรณวิภา ไม้สน ส.ส. บัญชีรายชื่อ สัดส่วนแรงงานจากพรรคก้าวไกล กล่าวว่ากรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของพี่น้องแรงงานอีกจำนวนมากที่ต้องประสบในขณะนี้ มีผู้ใช้แรงงานจำนวนมากโดนเลิกจ้าง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด งานก็หายากอยู่แล้ว บางคนมีประวัติเคยติดเชื้อโควิด-19 แต่เมื่อรักษาหายแล้วกลับไปสมัครงานกลับถูกปฏิเสธเพราะมองว่าเป็นผู้ติดเชื้อ
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระทรวงแรงงานออกมาสื่อสารทำความเข้าใจกับนายจ้างว่าผู้เคยติดเชื้อไม่เท่ากับผู้ติดเชื้อ หรือหากลูกจ้างติดเชื้อโควิดก็ถือเป็นได้ว่าเป็นเพียงการป่วยประเภทหนึ่งที่ไม่มีใครอยากจะติดเชื้อแม้แต่ตัวนายจ้างเองก็ตาม หรือหากลูกจ้างติดเชื้อนายจ้างไม่มีสิทธิ์ที่จะให้ลูกจ้างออกจากงาน หากเกิดกรณีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ลูกจ้างมีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องนายจ้างได้ เพื่อที่จะได้รับค่าชดเชยแต่นายจ้างมีสิทธิ์ที่จะให้ลูกจ้างที่สุ่มเสี่ยงหรือติดเชื้อหยุดปฎิบัติงานหรือกักตัว 14 วันเพื่อสังเกตอาการได้ แต่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งถือได้ว่าการหยุดเพื่อกักตัวเพราะเป็นคำสั่งของนายจ้างโดยกรณีนี้ถือเป็นประโยชน์กับนายจ้างจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้าง
แต่ที่ผ่านมา มาตรการช่วยปกป้องสิทธิ์แรงงานด้านอื่นๆ ก็ไม่มีออกมาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปช่วยปกป้องสิทธิ์แรงงานจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม การทำความเข้าใจกับนายจ้างและสังคม รวมถึงมาตรการช่วยเหลือเฉพาะหน้าอื่นๆ
“ดิฉันคิดว่าถ้าคนที่เสียชีวิตได้รับมาตรการเยียวยา และการดูแลชีวิตด้านอื่นๆ จากรัฐบาลอย่างรวดเร็วพอ เราคงสามารถรักษาชีวิตคนไทยได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชีวิต และอาจจะไม่ใช่แค่หนึ่ง ทุกวันนี้เราเห็นข่าวคนฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจกันรายวัน”
วรรณวิภากล่าวต่อไปอีกว่าในสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในวิฤตของความกลัวเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นใดๆ ให้แก่ประชาชนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารที่กลับไปกลับมา ความไม่แน่นอนในการจัดสรรวัคซีนแก่พี่น้องประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ใกล้เคียงภาวะรัฐล้มเหลว
“ซึ่งทางออกเดียวที่ดิฉันมองเห็นว่าประเทศไทยจะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตที่ยืนบนปากเหวได้ คือ ‘เปลี่ยนผู้นำ’ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาคนไทยทั้งประเทศเห็นตรงกันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีล้มเหลวในการบิหารประเทศนี้ทุกประตู ไร้ซึ่งความชอบธรรมที่ยังอยู่ต่อไป เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยเตรียมเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเมื่อถึงเวลานั้นคงจะมีอีกหลายชีวิตที่ต้องจบลงด้วย ภาวะการบริหารงานที่ล้มเลวของรัฐบาล”
วรรณวิภากล่าว
“ดิฉันจึงอยากเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีว่าวันนี้หากท่านเห็นความสำคัญของชีวิตพี่น้องประชาชนและอนาคตของประเทศไทยขอให้ลาออกไปเพื่อแลกกับทุกชีวิตของคนในประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตภาวะผู้นำล้มเหลว”
