ร่างกฎหมายควบคุมและตรวจสอบสารเคมีของพรรคก้าวไกล
ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ ดองเค็ม
หลายปีที่ผ่านมานี้ เราอาจได้ยินข่าวผ่านหูผ่านตาอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหล โรงงานปล่อยสารพิษลงสู่แหล่งน้ำชุมชน น้ำมันรั่ว ท่อก๊าซระเบิด ฯลฯ ทุกกรณีส่งผลกระทบทำลายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมหาศาล แต่นอกจากนั้นแล้ว หลายครั้งยังมีทั้งผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือพิการอีกด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ที่ประเทศไทยเราจะมีกฎหมายที่ก้าวหน้า คุ้มครองชีวิตประชาชนและสิ่งแวดล้อม ให้บรรดาผู้ประกอบการและรัฐ มีความรับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่านี้?
เมื่อต้นปีที่แล้ว พรรคก้าวไกลได้ยื่น “ร่าง พ.ร.บ. การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม” กฎหมายที่หลายประเทศทั่วโลกใช้และเรียกย่อๆ ว่ากฎหมาย PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) แต่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ทำให้ต้องรอการรับรองจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนถึงตอนนี้ก็ยังคงถูกดองเค็ม ไร้คำตอบ ไร้ความคืบหน้าใดๆ
ว่าแต่ ร่างกฎหมายชื่อยาวๆ ฟังยากๆ นี้ดีอย่างไร?
> ถ้ามีกฎหมาย PRTR แหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่ ต้องรายงานต่อกรมควบคุมมลพิษว่ามีการครอบครองสารมลพิษใดบ้าง และมีการปล่อยมลพิษปริมาณเท่าใด ตามรายชื่อสารมลพิษที่กรมควบคุมมลพิษกำหนด
> ถ้ามีกฎหมาย PRTR กรมควบคุมมลพิษจะต้องเปิดเผยรายงานให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงและร่วมตรวจสอบได้
> ถ้ามีกฎหมาย PRTR ประชาชนก็จะตรวจสอบได้ว่า โรงงาน เหมืองแร่ หรือแม้แต่ชุมชนของตนเองมีสารมลพิษอยู่รอบๆ ตัวบ้าง มีการปล่อยมลพิษอะไรสู่สิ่งแวดล้อมบ้าง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน น้ำเสีย หรือขยะพิษ ขยะอุตสาหกรรม เมื่อตรวจสอบได้ชุมชนก็สบายใจ อุตสาหกรรมที่ทำถูกต้องในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายอีกต่อไป
> ถ้ามีกฎหมาย PRTR เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่นเหตุระเบิด ไฟไหม้ ฯลฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการปัญหาได้อย่างตรงจุด อย่างกรณีที่เกิดเพลิงไหม้และระเบิดของโรงงานสารเคมีที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็จะทราบปริมาณสารมลพิษที่มีอยู่ทั้งหมดในโรงงานในทันที หน่วยงานที่จะต้องแก้ปัญหาสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา และเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพสารเคมี และยับยั้งเหตุ หรืออย่างน้อยก็ออกคำเตือนต่อประชาชนบริเวณโดยรอบได้ทันท่วงที
> ถ้ามีกฎหมาย PRTR ประชาชนก็จะเลือกที่อยู่อาศัยโดยรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากสารมลพิษรอบตัว ระแวดระวังภัย และเกิดการซักซ้อมความรู้ความเข้าใจหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็มีความรู้และประสบการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงแบบที่คนในชุมชนบริเวณกิ่งแก้วต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้
อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่ https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=124
หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยเราจะมีกฎหมายที่ก้าวหน้าเท่าทันโลก และมีมาตรฐานการบังคับใช้ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนอันประเมินค่ามิได้
สุดท้ายนี้ พรรคก้าวไกลขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่เสียสละชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจ อยู่เคียงข้างประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว หวังว่าเหตุการณ์นี้จะจบโดยเร็ว
(เลขาธิการ, ผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคก้าวไกล ได้อยู่ในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้น เนื่องจากศูนย์อพยพจากเหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้วนั้นอยู่ในเขตของ ส.ส. วุฒินันท์ บุญชู พรรคก้าวไกล ดังนั้น หากผู้ใดสนใจช่วยเหลือหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต้องการความช่วยเหลือด่วน สามารถติดต่อได้ที่ ส.ส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคก้าวไกล 0814018034 และชนสิษฎ์ ยอดฉิม หัวหน้าสาขาพรรคก้าวไกล 0649646352 )