ตัวแทน คฝ. ยอมรับในที่ประชุม กมธ.พัฒนาการเมืองฯ หาก คฝ. คนใดใช้ความรุนแรงกับประชาชนจะต้องรับผิดชอบเอง
พันตำรวจโทวชิรพงศ์ แก้วดวง รองผู้บังคับการหน่วยอารักขาและควบคุมฝูงชน (รอง ผบก.อคฝ.) เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยเปิดเผยว่า ต้นสังกัดไม่มีคำสั่งและแนวทางให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งหากพบเจ้าหน้าที่คนใดใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่คนนั้นต้องรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวกับต้นสังกัด
การเข้าชี้แจงของพันตำรวจโทวชิรพงศ์ อยู่ในวาระพิจารณาข้อเรียกร้องขอให้ปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงตลอด 32 วันที่ผ่านมา
ช่วงเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า คฝ. ใช้อารมณ์ในการจัดการการชุมนุม และมีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม ทั้งที่ยังไม่เริ่มการชุมนุม การจ่อปืนใส่ประชาชนในระยะประชิด การยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเข้าไปในบริเวณที่พักอาศัยของประชาชน รวมถึงการขับรถยนต์พุ่งชนประชาชน
ด้าน ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะประธานกรรมาธิการ เปิดเผยว่า คำชี้แจงของพันตำรวจโทวชิรพงศ์เป็นการปัดความรับผิดชอบ อีกทั้งยังผลักให้ผู้ใต้บังคับบัญชากลายเป็นผู้ร้าย ทั้งที่เจ้าหน้าที่ คฝ. ออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของต้นสังกัด ซึ่งหากการชี้แจงเป็นเช่นนี้ทางกรรมาธิการต้องเชิญให้เจ้าหน้าที่คฝ. ที่ปรากฏในคลิปที่มีการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนทั้ง 14 คลิป เพื่อเรียกตัวเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจต่อสถานการณ์ตรงหน้าเป็นการใช้ดุลพินิจส่วนตัวหรือมีคำสั่งให้ใช้ความรุนแรง
ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนจำเป็นต้องปฏิบัติงานในพื้นที่การชุมนุม อาจส่งผลให้อยู่ในช่วงเคอร์ฟิวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า สื่อมวลชนที่มีบัตรอนุญาตทุกคนจะได้รับผ่อนปรน แม้จะเป็นเคอร์ฟิวก็ตาม ด้านประธานกรรมาธิการจึงเสนอให้มีการผ่อนปรนต่อเจ้าหน้าที่พยาบาลอาสาทุกคนโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับสื่อมวลชนด้วย
ก่อนที่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจะเข้าชี้แจงต่อกมธ. พัฒนาการเมืองฯ พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยยืนยันกับสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเท่าที่จำเป็น ใช้กำลังน้อยกว่าในต่างประเทศ และเป็นไปตามหลักการควบคุมฝูงชนสากลทุกประการ
อย่างไรก็ตาม หลักการพื้นฐานของการใช้กำลังและอาวุธโดยผู้รักษากฎหมายของสหประชาชาติ ระบุว่า ต้องจำกัดการใช้ ‘อาวุธไม่ร้ายแรง’ หรือ non-lethal weapon เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง และ คฝ. จะต้องมีมาตรการเป็นลำดับจากเบาไปหาหนัก เริ่มจากการใช้วิธีที่ไม่รุนแรงก่อน การใช้กำลังหรืออาวุธจะใช้ก็ต่อเมื่อทำวิธีอื่นแล้วไม่เป็นผล อีกทั้งการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่จะต้องใช้ให้เหมาะสมและได้สัดส่วน และ “กรณีพิเศษอย่างความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในหรือเรื่องฉุกเฉินทางสาธารณะอื่นๆ จะไม่ใช่ข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมที่จะไม่ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานทั้งหมดเหล่านี้”
ที่สำคัญคือ หลักการของสหประชาชาติระบุว่า รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะต้องควบคุมและตรวจสอบว่ามีการใช้วิธีควบคุมฝูงชนอย่างเหมาะสม และ “รัฐบาลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะต้องมั่นใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะต้องรับผิดชอบ หากรับรู้หรือควรรู้ว่า เจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาใช้กำลังหรืออาวุธอย่างผิดกฎหมาย แล้วไม่ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อป้องกัน ระงับ หรือรายงานเรื่องดังกล่าว” [อ้างอิง https://www.un.org/ruleoflaw/files/BASICP~3.PDF]