จับผู้ผลิตเนื้อหา 18+ ไม่แก้ปัญหารุนแรงทางเพศ – ‘ณัฐวุฒิ’ แนะยกเครื่องกฎหมายคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เข้าจับกุมนักแสดงเนื้อหา 18+ ชื่อดังพร้อมแฟนหนุ่ม ในข้อหาผลิตสื่อลามกอนาจารและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ว่าตนไม่เห็นด้วยกับการไล่จับผู้กระทำความผิดเป็นรายบุคคล หากตำรวจต้องการคุ้มครองเยาวชนและป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงทางเพศ อาจต้องหันมามองความจริงและช่วยกันผลักดันการแก้กฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พร้อมกับกำหนดอายุและเงื่อนไขการเข้าถึงบริการทางเพศ และเนื้อหา 18+ ทั้งระบบ
กมธ. วิสามัญศึกษาปัญหาข่มขืนกระทำชำเราฯ เคยศึกษาและพบว่า ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีปัจจัยมาจากหลายด้าน ทั้งปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์เพศของผู้กระทำความผิดเอง ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจากรายงานของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระบุว่า ในปี 2561 รับแจ้งเหตุความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา 2,158 คดี แต่จับกุมผู้กระทำความผิดได้เพียง 1,926 คดี ส่วนปี 2562 รับแจ้งเหตุ 1,805 คดี แต่จับกุมผู้กระทำได้เพียง 1,597 คดี ทำให้ผู้กระทำความผิดจำนวนหนึ่งยังลอยนวลเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ
ทั้งนี้ ยังไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความว่าไม่รู้มีอีกเท่าไร ปัญหาขาดมาตรการแก้ไขพฤติกรรมผู้กระทำความผิด ปัญหาการขาดการสอนเรื่อง “เพศวิถีศึกษา” ในสถาบันการศึกษาที่ถูกต้อง รวมจนถึงการไม่ยอมรับการมีอยู่ของการค้าประเวณี ไปจนถึงเซ็กส์ทอยต่างๆ
“กมธ. ชุดดังกล่าวได้เสนอต่อสภาฯ และสภาฯ ได้เสนอรายงานต่อ ครม. ให้แก้ไขปัญหาเป็นระบบ ตั้งแต่การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในเรื่องการแก้ไขนิยาม การใช้วิธีการใหม่ๆ กับผู้กระทำความผิดซ้ำ เช่น การใช้ยาปรับฮอร์โมนเพศ การสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา การเพิ่มช่องทางในการร้องเรียนผ่านหน่วยงานและการช่วยเหลือผู้เสียหายในรูปแบบสหวิชาชีพ และที่สำคัญ ในรายงานได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการแก้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 และการศึกษาเรื่องเซ็กส์ทอย ในฐานะปัจจัยที่อาจนำไปสู่การลดความรุนแรงทางเพศด้วย แม้รัฐบาลจะได้ตอบกลับรายงานมา แต่ยังไม่เห็นท่าทีว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและจริงจังแต่ประการใด”
ณัฐวุฒิระบุว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ทำเนื้อหา 18+ หลายราย ที่ทำผ่านแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ต่างยืนยันตรงกันว่า ลักษณะงานที่เขาทำเป็นอาชีพ และเป็นมืออาชีพ เป็นงานให้บริการทางเพศ หรือ sex worker เหมือนผู้ให้บริการทางเพศที่ให้บริการกับผู้ซื้อบริการโดยตรง เพียงแต่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ ยังไปกำหนดห้ามไว้ การปลดล็อคหรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่า
“สำหรับการเข้าถึงบริการนั้น ระบบเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถกำหนดเงื่อนไขหรืออายุของผู้เข้าถึงได้ ซึ่งการที่ทำให้อาชีพนี้ขึ้นมาบนดิน โดยมีกฎหมายรองรับและกำกับ น่าจะแก้ไขปัญหาการล่อลวงเด็กและเยาวชน การค้ามนุษย์ การเรียกรับสินบน ไปจนถึงการลดปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อีกทั้งกลุ่มดังกล่าวยังสนับสนุนเรื่องเซ็กส์ทอย ในฐานะวัตถุทางการแพทย์ และสนับสนุนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาที่เข้าใจและเคารพความแตกต่างของมนุษย์ทุกเพศสภาพ ซึ่งหลายเรื่องตรงกันกับที่พรรคก้าวไกลต้องการผลักดัน ทั้งเรื่องการเสนอญัตติเกี่ยวกับการศึกษาภาพยนต์และของเล่นผู้ใหญ่ของ ส.ส. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร และการยกร่าง พ.ร.บ.การค้าประเวณีและคุ้มครองผู้ให้บริการฯ ของ ส.ส. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ เป็นต้น”
ณัฐวุฒิกล่าวทิ้งท้าย
“แทนที่จะรัฐบาลและผู้บังคับใช้กฎหมายจะแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศในสังคมอย่างเข้าใจและเป็นระบบ แต่กลับเลือกไม่ยอมรับความเป็นจริง พยายามทำให้ผู้ให้บริการทางเพศไม่มีตัวตน เป็นผู้ผิดต่อกฎหมาย เป็นความเสื่อมโทรมของสังคม จะยิ่งนำไปสู่ช่องทางที่ลงใต้ดินมากยิ่งขึ้น ยากต่อการควบคุม เป็นช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ และท้ายสุด ปัญหาการข่มขืนกระทำเราหรือการล่วงละเมิดทางเพศก็ไม่ได้ลดลงแต่ประการใด ท่านอาจหยุดยั้งศีลธรรมบางอย่างที่ท่านเชื่อเช่นนั้นในระยะเวลาหนึ่งได้ แต่ไม่อาจหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาได้”