free geoip

‘ก้าวไกล’ เดินตลาด ‘ป๊ะจาวน่าน’ ชี้ โควิดทำเศรษฐกิจซึม – เปิดเสวนาการศึกษา


‘ก้าวไกล’ เดินตลาด ‘ป๊ะจาวน่าน’ ชี้ โควิดทำเศรษฐกิจซึม – เปิดเสวนาการศึกษา

‘ก้าวไกล’ เดินตลาดสด ‘ป๊ะจาวน่าน’ พบเศรษฐกิจปากท้องยังซึม ‘มาตรการโควิด’ ทำกำลังซื้อหด ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เปิดวงเสวนา ‘การศึกษา’ ชี้ ปัญหา ‘อำนาจรวมศูนย์’ ทำการเรียนรู้ไม่ไปไหน ห่วงคนรุ่นใหม่ยังถูกจำกัด ‘สิทธิเสรีภาพ’

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการฯ และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล พบปะทักทาย พ่อค้า แม่ค้า และพี่น้องประชาชน ที่ตลาดสดตั้งจิตนุสรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากประชาชนที่มาซื้อของพร้อมเข้ามาทักทายให้กำลังใจอย่างเป็นกันเองและขอถ่ายรูปด้วยเป็นระยะ ซึ่งระหว่างการเดินตลาดทำให้ได้ฟังเสียงสะท้อนจากพื้นที่โดยพบว่า การเยียวยาในแต่ละครั้งมีความตกหล่น มีทั้งคนที่ได้รับและไม่ได้ สิ่งที่สำคัญคือการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กำลังซื้อหด การมีเวลาขายที่จำกัดจากมาตรการควบคุมโรคทำให้มีรายได้เข้ามาน้อยลงกว่าเดิมมาก

ชัยธวัช กล่าวว่า การเดินตลาดทำให้เห็นปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ที่ส่งผลสะเทือนถึงกันเป็นลูกโซ่ หลายคนบอกว่า รายได้ลดลง 4-5 เท่า ดอกไม้ที่เคยขายได้เพราะวัดต่างๆ ต้องเตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อนำไปไหว้พระก็เหลือเพียงการซื้อกลับไปไหว้พระที่บ้าน ส่วนร้านอาหารเมื่อถูกจำกัดเวลาขาย ก็ไม่มีใครกล้าสต็อกวัตถุดิบคราวละมากๆ อาหารทะเล ผักหรือเนื้อ จากเดิมเคยซื้อกันครั้งละ 100 กิโล เหลือเพียงครั้งละ 10 กิโลกรัม ต้องปรับตัวด้วยการซอยสินค้าเป็นถุงแยกเล็กๆ เพื่อให้ขายได้ง่ายขึ้น เป็นปัญหาเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ผู้ซื้อเองก็รายได้ลดลงทำให้มาจับจ่ายตลาดลดลงด้วย ถ้ารัฐบาลยังมองไม่เห็นปัญหาของคนเล็กคนน้อย รอให้พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ฟื้นขึ้นมาเอง เศรษฐกิจไทยมีโอกาสซึมยาว

เมื่อสอบถามถึงการฉีดวัคซีน ทุกร้านตอบตรงกันว่า การได้รับวัคซีนแล้วทำให้ตลาดกลับมาเปิดได้ด้วยความเชื่อมั่นในความปลอดภัย วัคซีนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นเศรษฐกิจ ความจริงแล้วหากมีวัคซีนที่เพียงพอและฉีดให้ครอบคลุมทั่วถึงได้เร็วตั้งแต่ต้นปีหรือกลางปี ก็จะมีโอกาสที่การทำมาหากินกลับคืนสู่สภาพที่ใกล้เคียงปกติได้เร็วกว่านี้ จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าระบุว่า การได้รับวัคซีนมาจากการที่เจ้าของตลาดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าได้ฉีดวัคซีน ทำให้รู้สึกปลอดภัยและผู้บริโภคก็เข้ามาจับจ่ายมากขึ้น


ในช่วงบ่าย ทีมพรรคก้าวไกล เข้าร่วมเวทีเสวนา ‘ป๊ะจาวน่าน’ ที่ร้านกาแฟอเมซอน บริเวณวัดภูมินทร์ เพื่อรับฟังความเสียงสะท้อนจากประชาชน โดยส่วนใหญ่มองว่าปัญหาการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการจับกุมคุมตัวประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา ครูท่านหนึ่งกล่าวว่า ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งมาเป็นครู ระบบการศึกษาของไทยยังคงเรียนแบบเดิม จึงไม่ตอบสนองศักยภาพและความแตกต่างของนักเรียนได้ หลักสูตรไม่สอดคล้องกับทิศทางโลก กลายเป็นว่าสิ่งใดทันสมัยเด็กต้องขวนขวายเองไม่ใช่การได้จากระบบการศึกษา นอกจากนี้ การศึกษาไทยยังคงไม่มีการกระจายอำนาจจริง ทั้งที่เรื่องนี้พูดกันมานาน แต่ยังคงรวมศูนย์และปฏิบัติใช้แบบเดียวกันหมดทั้งประเทศทั้งที่บริบทแต่ละพื้นที่ที่ไม่เหมือนกัน

ขณะที่ครูบางคนมองว่า โรงเรียนขนาดเล็กจำนวนมากถูกควบรวม เด็กต้องเข้ามาเรียนในเมืองและถูกขโมยเวลาเนื่องจากต้องมารอไปโรงเรียนแต่เช้าและใช้เวลาเดินทางกลับ จนแต่ละวันไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นได้ กลายเป็นเกิดระยะห่างกับครอบครัว ในทางกลับกัน การควบรวมทำให้จำนวนนักเรียนต่อห้องมากขึ้น กลายเป็นครูดูแลไม่ทั่วถึง เด็กหลังห้องไม่ถูกใส่ใจ ส่วนโรงเรียนในหมู่บ้านที่ปิดก็ถูกทิ้งร้างไปเฉยๆ แทนที่ท้องถิ่นจะสามารถนำมาจัดการเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้านหรือปรับเป็นพื้นที่เรียนรู้ได้ แต่พออ้างว่าเป็นของหลวง ท้องถิ่นก็ทำอะไรไม่ได้ โรงเรียนพอร้างแล้วก็ร้างเลยอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ หลายคนสะท้อนถึงความไม่เป็นธรรมที่เจ้าหน้าที่กระทำต่อเด็กเยาวชนและประชาชน รวมถึงปัญหาจากการเรียนออนไลน์ที่ไม่มีคุณภาพ

วิโรจน์ กล่าวว่า รัฐพยายามที่จะเลี่ยงการกระจายอำนาจ เพราะมองว่าครูเป็นมือไม้ของรัฐในทุกอย่าง แล้วก็ยิ่งแย่ขึ้นในมือของทหาร เพราะคุ้นเคยการจัดการแบบแบ่งลำดับคำสั่ง เช่น ผู้บัญชาการภาค ผู้บัญชาการจังหวัด ก็เอาโครงสร้างแบบนี้มาใช้กับการศึกษา การกระจายอำนาจจึงไม่เกิดขึ้น แต่พรรคก้าวไกลก็พยายามเสนอแก้ไขในเรื่องนี้ไป

สิ่งที่แย่ที่สุดคือการยัดเยียดหลักสูตรต่างๆ ให้เด็กเรียนจนเด็กไม่มีเวลา เมื่อไม่มีเวลาก็ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นต้องคืนเวลาเพื่อให้เด็กสามารถคิดสร้างสรรค์ได้ แต่พอทำแบบนี้ รัฐก็จะจับคอยจับผิดด้วยการเอาปัญหาปัจเจกมาบอกว่า นี่ไงพอมีเวลาว่าง เด็กและครูบางคนก็ขี้เกียจ ซึ่งก็มีจริงและก็ต้องแก้ปัญหาแบบปัจเจก รวมทั้งต้องถามว่าแบบนี้มีจำนวนเท่าไหร่ เวลาความสร้างสรรค์เกิดขึ้นกลับไม่พูด เรื่องนี้ต้องเอาเปอร์เซ็นต์มาคุยกัน

“การควบรวมโรงเรียน ต้องมีรถโรงเรียนปลอดภัยโดยการอุดหนุนของท้องถิ่น แต่โรงเรียนบนพื้นที่ภูเขาเดินทางลำบากยุบไม่ได้ นอกจากนี้ เรายังขาดพื้นที่เรียนรู้ส่วนกลาง เมื่ออ้างว่าเด็กเกิดน้อยก็ยุบแต่ไม่มองว่าสามารถปรับเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนได้ ต้องมีงบบูรณะเพื่อทำเป็นแหล่งเรียนรู้สาธารณะที่ไม่ใช่สำหรับเด็กเท่านั้น แต่เป็นสำหรับคนทุกวัยซึ่งการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่ว่าวัยไหนก็เรียนรู้ได้ตลอด การเรียนรู้เกิดได้กับทุกคนและจะเป็นเรื่องที่สนุกมาก”

ด้าน รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเพิ่งกลับมาจากการฟังปัญหาที่ภาคใต้ ตลอดจนเดินทางมาหลายจังหวัดในภาคเหนือครั้งนี้ สิ่งที่ทุกคนสะท้อนปัญหาตรงกันคือ การเรียนออนไลน์ที่ไม่ปรับตัวให้มีคุณภาพ อุปกรณ์ไม่ทั่วถึง บ้างคนก็ต้องนั่งดูเพื่อนเรียนอย่างเดียว เพราะตนไม่มีอุปกรณ์ทดลองทดสอบ เกิดเป็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พ่อแม่ก็ยังต้องแบกรับปัญหาทางเศรษฐกิจ บางบ้านต้องไปต่อไฟต่อเน็ตมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมา แต่พวกเขาหารายได้ลดลงแถมยังต้องเอาเวลาดูลูกเพิ่มขึ้น นี่คือความพังทลายของการศึกษาไทย

“การศึกษาก่อนโควิดว่าไม่มีคุณภาพ ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ต้องเสียเวลาเรียนไปทั้งที่รู้ว่ามีปัญหาหรือไม่ได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า สุดท้ายถ้าอยากแข่งขันกับโลก เด็กก็ต้องไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง เมื่อผมได้เข้าอยู่ในสภาเราจึงรู้ว่า เราถูกหลอกมาตลอดว่าเราไม่มีเงินเพื่อการศึกษา แต่ความจริงถ้าเรายังมีเงินซื้อเรือดำน้ำ เราสามารถเอามาลงทุนในสิ่งที่ดีกว่าได้ หรือถ้าเรายังกู้เงินมากองไว้เฉยๆได้ เราควรเอามาใช้เพื่อการศึกษา ผมยืนยันว่าเรามีเงินคาในระบบเต็มไปหมดที่ไม่ได้เอามาแก้ปัญหาตรงนี้เลย ทางออกคือเราต้องใช้เงินเพื่อการศึกษาเพิ่ม พัฒนาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีความหมาย อัตราการเกิดน้อยก็ต้องสร้างคุณภาพที่ดีที่สุด ต้องถามว่าในสถานการณ์แบบนี้เรายังจะสร้างคนเพื่อเป็นแรงงานราคาถูกอีกหรือ การลงทุนการศึกษาเพื่อสร้างคุณภาพจึงสำคัญที่สุด และต้องเร่งทำ ถ้าไม่เร่งเราจะถูกโลกทิ้งห่างไปยิ่งกว่านี้

“เรื่องเสรีภาพการแสดงออกในโรงเรียน ผมเองก็เจอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฯ จึงรู้ว่าเรามีเสรีภาพตราบเท่าที่ครูอนุญาตหรือตรงกับครู แต่ถ้าเห็นต่างก็จะถูกกดดันหรือไปคุยกับพ่อแม่ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ เขารู้สึกถึงความล้มเหลวของการศึกษาและไม่มั่นใจว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้จะสร้างอนาคตเขาได้ เขาจึงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนอนาคต ยอมเอาตัวไปเสี่ยง ยอมเสียสละเพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า”

“นักเรียน นักศึกษา ถูกทำให้หยุดพูด ถูกทำให้กลัว แต่ความจริง พวกเขาก็มีสิทธิเสรีภาพเหมือนพี่น้องประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อพูดกันตลอดว่าเขาเป็นอนาคตของชาติ เป็นความหวังประเทศ แต่ถ้ามองแบบนี้แล้วทำไมพวกเขาจะออกมาตั้งคำถามหรือแนะนำรัฐบาลไม่ได้ นักเรียนนักศึกษาต้องมีสิทธิตั้งคำถามและแนะนำรัฐได้ เพราะเขาคือผู้ที่ต้องอยู่กับประเทศนี้ไปอีกนาน

“ผมเชื่อว่า การคุยกับโรงเรียนอย่างมีวุฒิภาวะด้วยเหตุผลนี้สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็มีช่องของมัน เช่น กมธ.ศึกษา หรือ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สามารถร้องเข้ามาได้ พวกเราจะเป็นสะพานเชื่อมกับหน่วยต่างๆเพื่อเรียกร้องให้สิทธิเสรีภาพเกิดขึ้น”

ชัยธวัช กล่าวว่า สถานการณ์การจับกุมนักเรียนนักศึกษาและประชาชน ในที่สุดจะต้องแก้ด้วยการเมือง เพราะนี่เป็นปัญหาทางเมืองไม่ใช่อาชญากรรมแล้ว ไม่เคยมียุคไหนที่มีคนโดนคดี 112 มากขนาดนี้ เรื่องนี้สำคัญอย่างไร สำคัญขนาดที่การประชุมประจำปีของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ปกติจะคุยกันเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจก็ยังมีหัวข้อที่เชิญนักวิชาการมาพูดเรื่อง ‘คนรุ่นใหม่’ ซึ่งมีการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

สาเหตุที่เขาต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับทุกเรื่อง ไม่ว่าการเมือง สังคมหรือเศรษฐกิจในอนาคตด้วย ถ้าสังคมไทยยังแก้ปัญหาอย่างแข็งตัวและหาทางออกในเรื่องนี้ไม่ได้ก็จะพังกันหมด ดังคำที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยกล่าวเตือนในสภาว่า ถ้าเมื่อไรเราเห็นอนาคตของชาติเป็นศัตรูของชาติ เรากำลังทำลายตัวเอง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก

“หลายคนฟังแล้วอาจเหมือนว่าเรากำลังสู้กับสิ่งใหญ่ที่เป็นไปไม่ได้ เป็นความจริงที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เจ็บปวดที่สุดที่มีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นมากมาย แต่ยืนยันว่า นี่เป็นช่วงที่เป็นไปได้ที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์สังคมไทยเช่นกัน ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางโครงสร้าง 5-10 ปีนี้จะเป็นช่วงสิ่งที่กำหนดอนาคตของเราในอีกร้อยปีข้างหน้า สังคมตื่นตัวทางความคิดอย่างไม่เคยมีมาก่อน เราเดินทางมาไกล แล้วจะไม่ย้อนกลับไปอีกแล้ว พรรคก้าวไกลขับเคลื่อนโดยไม่ต้องกลัวผู้มีอำนาจ ไม่ต้องกลัวนายทุนสปอนเซอร์ ไม่ต้องกลัวกองทัพ เราไม่กลัวเพราะในเจตนารมณ์การก่อตั้งพรรคคือความเชื่อที่ว่าไม่มีอำนาจไหนจะศักดิ์สิทธิ์เท่ากับอำนาจของประชาชนอีกแล้ว”

Login

สินค้าลอตใหม่จะทยอยเข้าตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป สามารถสอบถามก่อนได้ที่โทร 02 8215874 (10.00-18.00 น. จ-ศ เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า