‘ก้าวไกล’ อัด ระบบราชการล้าหลัง ดันวิสาหกิจชุมชนเพิ่มรายได้เกษตรกร
พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ภาคใต้ต่อเนื่อง ชี้ระบบราชการรวมศูนย์ล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์เกษตรกร พร้อมผนึกกำลัง ‘ส้มจี๊ด เครือข่ายธุรกิจเพื่อชุมชน’ ผลักดันวิสาหกิจชุมชนเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ ผู้บริหารส้มจี๊ด เครือข่ายธุรกิจเพื่อชุมชน ร่วมพูดคุยกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปรรูปไม้ผลต้นน้ำตาปี ตำบลยางค้อม อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อรับฟังและร่วมแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ
พิธาให้ความเห็นว่า ระบบราชการของเราล้าหลังจนเกินไป ในต่างประเทศรัฐบาลและหน่วยงานราชการมีส่วนสำคัญในการผลักดันและยกระดับการประกอบธุรกิจของชุมชน แต่สำหรับประเทศไทย เรากลับพบว่า หน่วยงานราชการกลับเป็นเหมือนเครื่องกีดขวางการประกอบธุรกิจเสียมากกว่า
“รัฐราชการรวมศูนย์ทำให้ เกษตรตำบล เกษตรอำเภอ ทำงานตอบสนองต่อกระทรวงที่กรุงเทพฯ แทนที่จะเป็นการทำงานเพื่อตอบสนองต่อเกษตรกรในพื้นที่ ไม่นับรวมกับนโยบายการส่งเสริมต่างๆ ของภาครัฐที่อิงกับระบบอุปถัมภ์สูงมาก โครงการสนับสนุนต่างๆ ของรัฐมักจะลงเอยด้วยการสนับสนุนกลุ่มคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจแทนที่จะเป็นประชาชนทั่วไปจริงๆ”
“คนที่ไม่มีเส้นสาย ยากที่จะได้รับการสนับสนุนเพื่อพัฒนาอย่างจริงจังจากภาครัฐ และหากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ด้วย ก็จะไม่มีเครื่องจักรเพื่อยกระดับการผลิต สุดท้ายจึงต้องใช้กำลังคนในการผลิตซึ่งก็นับว่าน่าเสียดายมากๆ เพราะหลายธุรกิจเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ สามารถเติบโตไปได้มากกว่านี้ อย่างกรณีไวน์มังคุด แยมมังคุด มังคุดกวนของที่นี่ก็ยังต้องทำต้องกวนด้วยมือกันอยู่เลย”
นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ ผู้บริหารเครือข่ายส้มจี๊ด กล่าวเสริม
พิธาให้ความเห็นปิดท้ายว่า รัฐบาลไทยมองมังคุดเป็นเพียงผลไม้ที่ขายกันในราคากิโลกรัมละ 30 บาท
ส่วนต่างประเทศมองไปไกลกว่านั้น พวกเขานำเข้ามังคุดแล้วนำไปทำเป็นสารสกัด Xanthone ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางแล้วส่งกลับมาขายที่ประเทศไทย
“เรามองว่า มังคุดเป็นราชินีผลไม้แต่กลับมีราคาแค่กิโลกรัมละ 30 บาท หากรัฐบาลมีวิสัยทัศน์และความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้มีการแปรรูปและพัฒนามูลค่าสินค้าเกษตร เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าแค่การขายเป็นผลไม้เพียงอย่างเดียวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การจะพัฒนาไปในทางนี้ได้รัฐต้องมีความจริงจังและจริงใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องจัดสรรงบประมาณให้กับแต่ละท้องถิ่นเพื่อให้พวกเขาได้กำหนดทิศทางการพัฒนาด้วยตัวของเขาเองแล้ว รัฐส่วนกลางก็ต้องกระจายอำนาจที่ตอนนี้รวมศูนย์ทุกการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลางกลับไปให้ท้องถิ่นเพื่อให้พวกเขาได้กำหนดชะตาชีวิตของพวกเขาเองอีกด้วย”