‘วิโรจน์’ อัดรัฐราชการโบราณ ทำวัคซีนโมเดอร์นาจากโปแลนด์ล่าช้า
‘วิโรจน์’ ชี้ การรับบริจาคโมเดอร์นาจากโปแลนด์ ที่เต็มไปด้วยเงื่อนไข และขั้นตอนต่างๆ เต็มไปหมด สะท้อนปัญหารัฐราชการโบราณ และการเลือกปฏิบัติจากภาครัฐ
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีที่ องค์กร RZADOWA AGENCIA REZERW STRATEGICZNYCH หรือ RARS ประเทศโปแลนด์ บริจาควัคซีนโมเดอร์นา ให้แก่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ว่า ตนเข้าใจดีว่าการนำเข้าวัคซีนต้องมีกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆอยู่หลายขั้นตอนแต่จากการตอบกลับของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เน้นแต่การบอกถึงข้อจำกัด และเงื่อนไขติดขัดต่างๆ และใช้ให้ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ต้องไปติดต่อหน่วยงานนั้น ติดต่อหน่วยงานนี้
การนำเข้าวัคซีนล็อตนี้เป็นไปตามข้อบังคับที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอำนาจในการตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ทั้งในและต่างประเทศในการจัดหา หรือนำเข้าวัคซีนและเวชภัณฑ์ ที่ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่กระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือตอบกลับ โดยระบุข้อจำกัดต่างๆ ในการนำเข้าวัคซีน ตั้งแต่การบริจาค ยังไม่ได้อยู่ในรูปแบบ “รัฐต่อรัฐ” ซึ่งต้องมีงานธุรกรรมทางการทูต ต่างๆ อีกหลายขั้นตอน การขออนุญาตไปยังบริษัทผู้ผลิตวัคซีน การประสานงานกับกรมควบคุมโรคในการนำเข้า การตรวจสอบคุณภาพ การรับประกัน และเงื่อนไขการชดเชยต่างๆ
วิโรจน์กล่าวต่อว่า กระทรวงการต่างประเทศเองไม่ได้แสดงท่าทีกระตือรือร้นในการช่วยเร่งรัดการดำเนินการ ทบทวนกฎระเบียบหรือช่วยดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้การนำเข้าวัคซีน ที่มีความจำเป็นต่อชีวิตของประชาชนมีความรวดเร็วเพิ่มขึ้น
“รัฐบาลยังคงปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามรูปแบบของรัฐราชการโบราณ ที่ผลักความรับผิดชอบกันไปกันมา และมีงานธุรกรรมเวิ่นเว้อหลายขั้นตอนโดยที่ไม่คำนึงถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งที่หากสามารถเร่งรัดกระบวนการต่างๆได้ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ มีความเป็นไปได้ ที่จะนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา ได้ถึง 1.5 ล้านโดส ภายในวันที่ 31 ตุลาคม นี้”
วิโรจน์ได้เปรียบเทียบกรณีของ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ กับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฯ ว่า แม้ว่ารูปแบบในการนำเข้าวัคซีนจะแตกต่างกัน แต่ประชาชนสามารถสังเกตได้ถึงความกระตือรือร้นที่จะอำนวยความสะดวกของรัฐที่แตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนว่า นอกจากรัฐราชการรวมศูนย์โบราณที่อุ้ยอ้ายคร่ำครึ ที่ทำให้ประชาชนประสบกับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสแล้ว ระบบอุปถัมภ์ และการเลือกปฏิบัติของภาครัฐ ก็น่าจะมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนเข้าไปอีก
“ผมจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนกฎระเบียบต่างๆ ในการนำเข้าวัคซีนยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบคุณภาพ และการประกันคุณภาพต่อประชาชนเท่านั้น และลดขั้นตอนทางธุรการ และงานเอกสารลงให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งกรณี รพ.ธรรมศาสตร์ฯ และกรณีอื่นๆ หลังจากนี้ เพื่อให้การสูญเสียชีวิตของประชาชน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจลดลงกว่าที่เป็นอยู่นี้”
วิโรจน์ ยังฝากไปถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า แม้ทุกประเทศในโลก เจอโควิดเหมือนกัน แต่ประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน มีอัตราการตายต่อประชากรที่แตกต่างกัน และฟื้นตัวได้เร็วช้าต่างกัน ประเทศที่มีการเตรียมการได้ดีจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า ประเทศที่มีความล้มเหลวในการเตรียมการ ก็จะได้รับผลกระทบที่หนักกว่า และการฟื้นตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในโลก จะทำให้ประชาชนต้องมาแบกรับกับภาวะราคาสินค้าที่แพงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องมัวพะวงกับสถานการณ์โรคระบาด ที่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศถดถอย และทำให้เวลาชีวิตของประชาชนมีแต่ความสูญเปล่า