‘ก้าวไกล’ จี้ รัฐอย่าเงียบ หลังเยาวชนที่ถูกยิงหน้า สน.ดินแดงเสียชีวิต
‘ก้าวไกล’ จี้ รัฐอย่าเงียบ หลังเยาวชนที่ถูกยิงหน้า สน.ดินแดงเสียชีวิต ชี้ ผ่านมา 2 เดือนแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้า สังคมยังมีข้อกังขาหลายจุด ควรตอบข้อสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจหรือไม่
ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในฐานะรองประธานในคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริง (Fact finding) กรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ภายหลังจากที่ วาฤทธิ์ สมน้อย หนึ่งในเยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิต ว่า กว่า 2 เดือนแล้วจากเหตุการณ์ยิงเยาวชนหน้า สน.ดินแดง ในขณะที่ตนและคณะทำงานของกรรมาธิการได้เปิดหลักฐานในบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงจนพบกลุ่มคนต้องสงสัยที่ตำรวจควรจะตามตัวมาได้ไม่ยาก แต่คดีนี้ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนกระทั่งผู้ถูกกระทำได้จากไปแล้ว
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 วาฤทธิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการถูกยิงด้วยกระสุนจริง บริเวณหน้า สน.ดินเเดง และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ด้วยอาการวิกฤตเนื่องจากกระสุนฝังบริเวณไขสันหลังส่วนบน ร่วมกับมีภาวะสมองบวมจากการขาดออกซิเจน จนเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
พันตำรวจตรีชวลิต เรียกร้องให้รัฐเร่งนำตัวผู้ก่อเหตุและผู้สั่งการมาเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม พร้อมขอให้ประชาชนร่วมกันทวงถามความยุติธรรมจากรัฐ
“ภาพจากล้องวงจรปิดจับภาพ วาฤทธิ์ วิ่งอยู่บนถนนมิตรไมตรี มุ่งหน้าแยกโรงกรองน้ำ ก่อนถูกยิงล้มลง ซึ่งมีรอยกระสุนอีกนัดที่กำแพง ระบุทิศทางการยิงมาจากซอยหน้า สน.ดินแดง ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ จึงควรมีคำตอบได้ว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปเมื่อเดือนกันยายน เข้าไปในบริเวณนั้นได้อย่างไร และผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจาหรือไม่ ที่สำคัญ รัฐจะต้องเร่งหาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้สั่งการทั้งหมด มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
“อยากให้ทุกคนร่วมใจกันทวงถามความยุติธรรมจากรัฐ เราจะต้องไม่ปล่อยให้ครอบครัวของเขาต้องสู้อย่างเดียวดาย และจะต้องไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และสิ่งที่เกิดขึ้นคุ้มแล้วหรือกับเยาวชนอนาคตของชาติที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ ต้องมาแลกกับชีวิตของตนด้วยปลายกระบอกปืน อย่าปล่อยให้เป็นความอยุติธรรมที่ถูกกลืนหายไปโดยไร้คำตอบ” พันตำรวจตรีชวลิต กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ที่ตั้งคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริง กรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมประณามสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่นิ่งเฉยกับคดีนี้
ณัฐชา กล่าวว่า หลังการแถลงข่าวเปิดข้อมูลของคณะทำงานที่รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทางกรรมาธิการได้ส่งต่อข้อมูลหลักฐานทั้งหมดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไป “ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน” แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับใดๆ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลย ทั้งที่ข้อมูลที่ทางคณะทำงานฯ ส่งมอบนั้นมีหลักฐานชัดเจน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจริงใจที่จะดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงและหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีก็ไม่ยาก แต่นี่กลับนิ่งเฉยจนกระทั่งเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเสียชีวิต ในฐานะตัวแทนของประชาชน ตนขอประณามความนิ่งเฉยนี้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ จะเชิญเจ้าหน้าที่เจ้าของคดีนี้มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการต่อไป แม้วันนี้น้องจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ความอยุติธรรมต้องไม่เงียบไปพร้อมกับชีวิตของเขา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเพื่อสืบหาความจริงต่อกรณีดังกล่าว”
นอกจากนี้ ณัฐชา ระบุว่า จะเดินทางไปคารวะศพของ วาฤทธิ์ สมน้อย ก่อนมีการฌาปณกิจในวันอาทิตย์นี้ และขอยืนยันว่า ต้องไม่มีใครเสียชีวิตอย่างสูญเปล่า จากความรุนแรงที่สันนิษฐานได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง