เกษตร-ประมง หนักทุกด้าน ราคาตกต่ำ – ขาดแรงงาน – ระบบซ้ำซ้อน
พรรคก้าวไกล ห่วงเกษตรกร ประสบปัญหารุมเร้า เสนอให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินประกันราคาข้าว แก้ปัญหาขาดแรงงานข้ามชาติ และยุติการใช้ระบบติดตามเรือประมงที่ซ้ำซ้อนเปลืองงบระมาณโดยไม่จำเป็น
ราคาข้าวตกต่ำ
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล พบว่า เกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้ข้าว โดยธนาคาร ธ.ก.ส. จะสามารถโอนเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้ ในปีการผลิต 64/65 งวดแรกในวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่ง ปดิพัทธ์ จะติดตามตรวจสอบต่อไปว่าจะมีการเลื่อนจ่ายหรือมีข้อติดขัด ที่จะนำมาอ้างไม่จ่ายให้กับเกษตรกรหรือไม่ เพื่อเร่งรัดการจ่ายให้กับเกษตรกร ให้รวดเร็ว และทั่วถึงที่สุด
ส่วนปัญหาราคาข้าวที่ไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาตามฤดูกาลจริงๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 บาทต่อกิโลกรัม ราคาที่ถูกกว่าบะหมี่สำเร็จรูป ชาวนาเจอปัญหาราคาข้าวตกต่ำ แต่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือใดๆ จากมาตรการประกันรายได้ เนื่องจากเป็นข้าวนาปรัง
พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินงบประมาณในโครงการจำนำยุ้งฉาง เพื่อให้รัฐบาลเข้าไปควบคุมอุปทาน หรือปริมาณข้าวในตลาด ที่ถูกปล่อยปละละเลยมาโดยตลอด เพื่อพยุงราคาข้าวให้มีราคาที่ไม่ทำให้ชาวนาต้องประสบกับภาวะขาดทุน พร้อมกับพิจารณาอุดหนุนค่าปุ๋ยที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยอาจพิจารณาแจกจ่ายเป็นคูปองอุดหนุนให้กับเกษตรกร ทั้งชาวนา และเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชผลประเภทอื่นๆ
ชาวสวนลำไยขาดแคลนแรงงาน
ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล พบปัญหาสำคัญ คือ การขาดแคลนแรงงานต่างชาติ ในการเก็บลำไย ทำให้ล้งไม่สามารถมาเก็บลำไยได้ตามที่สัญญาเอาไว้ เมื่อการเก็บลำไยล่าช้า ก็จะทำให้ลำไยตกเกรดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้ และเมื่อล้งมาเก็บลำไยในมูลค่าที่ต่ำกว่าเงินที่วางมัดจำเอาไว้ ล้งก็จะขอทวงเงินมัดจำส่วนที่เกินจากเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรไม่มีเงินจ่ายคืนให้กับล้ง ซึ่งทำให้เกษตรกรประสบกับความทุกข์ยากอย่างมาก
พรรคก้าวไกล จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาทบทวนนโยบายพักชำระหนี้ของ ธ.ก.ส. ซึ่งปัจจุบันพักแต่ต้น แต่ดอกยังคงเดินอยู่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ เกษตรกรที่ประสบกับปัญหาการขาดแคลนรายได้ ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดี สหกรณ์ก็ไม่สามารถพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรผู้กู้ได้ เพราะว่าสหกรณ์ ก็ยังต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับ ธ.ก.ส.
ต้องย้ำให้รัฐบาลเข้าใจว่า โรคระบาดนั้นแพร่กระจายโดยไม่สนใจสัญชาติและเชื้อชาติ หากแรงงานต่างชาติ รวมถึงแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้าไม่ถึงการได้รับการฉีดวัคซีน เข้าไม่ถึงการรักษา รัฐบาลก็จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่มาจากแรงงานต่างชาติไม่ได้ พรรคก้าวไกลจึงขอให้รัฐบาลทบทวน การปรับลดค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างชาติ เพื่อจูงใจให้แรงงานต่างชาติที่ผิดกฎหมายได้ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนแรงงานต่างชาติสูงถึงรายละกว่า 10,000 บาท ซึ่งประกอบได้ด้วย ค่าประกันสุขภาพ 4,200 บาท ค่าตรวจโควิด 3,000 บาท เป็นต้น ซึ่งในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ถือเป็นภาระที่นายจ้างแบกรับได้ยากมาก
นอกจากนี้ ยังควรนิรโทษกรรมความผิดในการลักลอบเข้าเมืองเป็นการชั่วคราว เพราะหากรัฐบาลยืนยันที่จะปราบปรามแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ในสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้ ก็เสี่ยงอย่างมากที่จะมีการลอยแพแรงงานต่างชาติ รวมทั้งการหลบหนีของแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ซึ่งก็จะสร้างปัญหาต่อการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เพิ่มเติมอีก
ระบบติดตามเรือซ้ำซ้อน
ศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล รายงานข้อห่วงใยของชาวประมงว่า ปัจจุบัน กรมสรรพสามิตต้องการให้เรือประมงติดระบบติดตามเรือที่เรียกว่าระบบ AIS (Automatic Identification System) เพื่อติดตามดูเส้นทางการเดินเรือของเรือประมงที่มาเติมน้ำมันเขียว ซึ่งได้รับการสนับสนุนอุดหนุนด้วยการลดภาษี ซึ่งต้องใช้งบประมาณกว่า 250 ล้านบาท เป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน และไม่สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้
ระบบ AIS นั้นเป็นระบบเปิดที่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระบบได้ ทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน ขณะที่ปัจจุบัน เรือประมงมีระบบระบุตัวตนในระบบปิด ที่เรียกว่า VMS (Vessel Monitoring System) อยู่แล้ว ซึ่งหากต้องการจะกำกับการเติมน้ำมันเขียว ก็สามารถต่อพ่วงกับอุปกรณ์กล้อง และติดตั้งเซ็นเซอร์ที่หัวจ่ายน้ำมัน ในเรือน้ำมันซึ่งมีอยู่ไม่ถึง 100 ลำได้ ซึ่งจะทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพกว่า ใช้งบประมาณน้อยกว่าการติดตั้งระบบ AIS กับเรือประมงเป็นหมื่นๆ ลำ
ดังนั้น ศักดินัย จะนำเรื่องร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับกรมสรรพสามิตต่อไป