
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญยิ่งทำสังคมแบ่งขั้ว หาทางคลี่คลายได้ยาก
จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่วินิจฉัยว่า ผู้ปราศรัยในการ “ชุมนุม 10 สิงหา” ได้แสดงความเห็น “โดยไม่สุจริต มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครอง” พรรคก้าวไกลเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจส่งผลให้การหาทางคลี่คลายการเมืองในปัจจุบันยิ่งยากขึ้น เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการนำคำวินิจฉัยนี้ไปโจมตีการแสดงออกของประชาชนและเยาวชนอย่างเหมารวมว่าเป็นการล้มล้างปกครอง ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางการเมืองยิ่งกว่าเดิม จนอาจเกิดความรุนแรงในสังคมได้ในอนาคต ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ศาลรัฐธรรมนูญและเครือข่ายจะต้องรับผิดชอบด้วย
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า “เรากังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นฐานในการที่ใช้โจมตีทางการเมือง เเทนที่เราช่วยกันหาข้อตกลงร่วมกัน โอกาสจะน้อยลง”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลให้ถูกวิพากษ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในข้อกฎหมาย รวมไปถึงการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกวินิจฉัยว่าล้มล้างการปกครองเป็นการกระทำแบบใดบ้าง ซึ่งไม่ดีต่อสังคมระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมจะถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางและรุนแรงขึ้นกว่าปัจจุบันว่า มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างบิดเบือนกับคดีทางการเมืองหรือไม่
“พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การคลี่คลายปัญหาความเห็นแตกต่างทางเมืองในปัจจุบัน ต้องอาศัยการเปิดความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจแห่งยุคสมัยอย่างถูกต้อง อย่ามองว่านี่เป็นภัยของชาติ อย่ามองอนาคตของชาติเป็นศัตรู และต้องพยายามแสวงหากุศโลบายที่ดี ในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ให้ได้”
ชัยธวัช กล่าว
ส่วนกรณีที่ ณฐพร โตประยูร เดินหน้ายื่นคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณายุบพรรคก้าวไกล โดยอ้างอิงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณี ส.ส. พรรคก้าวไกลไปร่วมสังเกตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง และใช้หลักทรัพย์ประกันตัวช่วยเหลือผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีทางการเมือง รวมถึงการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาฐานความผิดหมิ่นประมาท รวมทั้งมาตรา 112 พรรคก้าวไกล เห็นว่า ข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นการกล่าวหาเท็จ และมีเจตนาที่จะทำลายล้างทางการเมือง
การกระทำทั้งหมดที่ถูกอ้างถึงนั้นเป็นการใช้สิทธิและทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ที่ดีของประชาชน ในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการเสนอกฎหมายก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติ
พรรคก้าวไกลยืนยันว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมที่จะได้รับการประกันตัวออกมาจนกว่าจะมีคำพิพากษาไปถึงที่สุด ไม่ว่าจะถูกแจ้งข้อหาอะไรก็ตาม หากการประกันตัวผู้ที่ถูกกล่าวตามคดีมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง หลังจากนี้สังคมไทยต้องระบุให้ชัดเจนว่า ข้อหาไหนบ้างต้องไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวโดยเด็ดขาด ซึ่งจะขัดกับหลักการของระบบยุติธรรมอย่างชัดเจน
“เราจะต่อสู้อย่างถึงที่สุดไม่ว่าจะมีแรงเสียดทานอย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลยังยืนยันที่จะต่อต้านการปกครองของเผด็จการคณะรัฐประหารและฝ่ายอนุรักษ์นิยม และเรายืนยันที่จะสู้เพื่อพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดนั้นเป็นของประชาชน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานในการสร้างชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากเราถอยห่างจากหลักการแบบนี้ ก็คงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะมีพรรคการเมืองอย่างพวกเราอยู่ เรายืนยันที่จะต่อสู้เคียงข้างพี่น้องประชาชน”
เลขาธิการพรรค กล่าว