ปัญหาเกี่ยวกับลำไย ยังมีปัญหาเดิมที่เป็นปัญหาซ้ำทุกๆปี เช่น ล้งไม่มาเก็บตามสัญญา ไม่มีมาตรฐานในการคัดไซส์ ราคาไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ล้งมาเก็บไม่ครบเงินมัดจำ ทำให้ชาวสวนต้องหาเงินมัดจำไปคืนล้ง และมีปัญหาใหม่เข้ามาซ้ำเติมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ปัญหาที่มีอยู่แล้วหนักหนาสาหัสมากขึ้น
การปิดด่านชายแดนทำให้ขาดแคลนแรงงานต่างชาติชาวกัมพูชาในการเก็บลำไย เมื่อไม่มีแรงงาน ล้งก็ไม่สามารถไปเก็บลำไยให้ชาวสวนลำไยได้ตามเวลาที่กำหนด ทำให้ผลผลิตเสียหาย จากที่ขายกิโลกรัมละ 32 บาท เหลือกิโลกรัมละ 5 บาท ในขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนค่าแรงงาน ราคาน้ำมัน และราคาปุ๋ยเคมีที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เมื่อเจอปัญหาเหล่านี้ทำให้ชาวสวนลำไยต้องแบกรับภาระต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ราคาลำไยต่ำ สวนทางกับต้นทุนที่สูงขึ้น จนบางรายแบกรับไม่ไหว ต้องโค่นต้นลำไยทิ้ง หาทางทำมาหากินด้วยอาชีพอื่นแทน
ล่าสุด จีนตรวจพบคลัสเตอร์คนขับรถบรรทุกส่งของ ทำให้ทางการจีนสั่งปิดด่านเส้นทางขนส่งทางบก ได้แก่ ด่านโมฮานบนเส้นทาง R3A และล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 จีนสั่งปิดด่านโหย่วอี้กวน บนเส้นทาง R9 อนุญาตให้ผ่านได้แค่รถบรรทุก 10 ล้อเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ผ่าน ทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกลำไยไปจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลำไยในภาคตะวันออก จ.จันทบุรี ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว เพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตไปได้แค่ 40% เท่านั้น
ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส. จันทบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า :
“จากการที่ได้พูดคุยกับชาวสวนลำไยและผู้ประกอบการส่งออก อยากให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เร่งหาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน โดยการเจรจาขอจำนวนตู้เรือเพิ่มเป็นกรณีพิเศษสำหรับการส่งออกลำไย และมีโครงการจ่ายเงินชดเชยเยียวยากับเกษตรกรชาวสวนลำไยอย่างเร่งด่วน อาจใช้มาตรการเดิม คือ เยียวยาไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่ แม้ว่าการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาในลักษณะแบบนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น”
