‘สุรเชษฐ์’ นัด กทม. แจง ‘คลองช่องนนทรี’ ยกสอง 13 ธ.ค. จี้ ‘อัศวิน’ ควรมาตอบ กมธ. เอง
การเร่งจัดทำโครงการของ กทม. ในการการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองช่องนนทรี เฟสแรกเพื่อให้เสร็จก่อนคริสต์มาส 25 ธันวาคม 2564 นี้ เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างมากว่าทำไมจึงมีการเร่งทำโครงการงบประมาณ 980 ล้านบาท โดยใช้งบกลางของ กทม. 80 ล้านบาท อีกทั้งยังดูเหมือนจะยังไม่มีการศึกษาและวางแผนให้รอบคอบ
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน อนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ในคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร จึงได้เชิญ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ว่าโครงการนี้คุ้มค่าหรือไม่ แต่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้ จิระเดช กรุณกฤตกุล รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา และ สมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ กทม.มาเป็นผู้ตอบคำถามแทน
ในช่วงของการซักถาม ผศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ UddC กล่าวว่า ขอพูดทั้งในฐานะนักวิชาการและคนในพื้นที่ ซึ่งสามารถเดินไปถึงโครงการคลองช่องนนทรีได้ในระยะเดินได้ ตั้งแต่รับฟังข่าวการเปิดตัวโครงการผ่านหนังสือพิมพ์ ทั้ง กทม. และสำนักงานเขตสาธร ไม่เคยทำประชาพิจารณ์หรือแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ทราบถึงการลงมือก่อสร้างเลย ทั้งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น
จากข้อมูลที่ได้รับ โครงการนี้มีงบประมาณที่สูงมากและมีการเร่งรัดให้เสร็จในปีหน้า ในฐานะนักวิชาการผังเมืองที่สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ผศ.ดร.นิรมล ย้ำว่า ตนจำเป็นที่ต้องตั้งข้อสังเกตและให้ข้อมูลถึงหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเมือง ที่สำคัญเพื่อให้การใช้ภาษีของประชาชนยามยากลำบากแบบนี้คุมค่าเป็นประโยชน์กับเมืองที่สุด
“โครงการนี้ถูกนำไปเทียบกับคลองชองเกชอน ประเทศเกาหลีใต้ ตามการประชาสัมพันธ์ของ กทม. แต่สิ่งที่อยากให้ทาง กทม. ตอบ กมธ. กลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรคือ งบประมาณ 980 ล้านบาท มียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์อะไรที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเมืองบ้าง อย่างการพูดถึงคลองชองเกชอน ซึ่งเป็นระดับตำนานของโลก ความสำเร็จของเขาไม่ใช่แค่นิทานหรือแค่การถอนทางด่วน แต่เป็นความกล้าหาญเพื่อปรับปรุงคลองให้เข้ากับใจกลางเมืองที่กำลังเสื่อมโทรม โดยมีการหารือกับประชาชนมากกว่า 4,200 ครั้ง นี่คือการดำเนินโครงการที่มีความซับซ้อนและตั้งอยู่กลางเมือง จุดร่วมกันระหว่าง 2 โครงการนี้คือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่กับการตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่มุมอื่นที่เหลือเราต้องการข้อมูลว่าเหมือนกันอย่างไรบ้าง”
ทั้งนี้ ผศ.ดร.นิรมล ยังได้ตั้งคำถามต่อโครงการอีกหลายข้อเช่น โครงการนี้ประชาชนได้มีส่วนร่วมวางแผนอย่างไรบ้าง มีใครรับผิดชอบในการตอบคำถามประชาชน การเป็นแก้มลิงระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมจะเป็นอย่างไรเพราะในการออกแบบที่ต้องหล่อน้ำไว้ตลอดเวลา รวมถึงเรื่องการบำบัดนำเสียจะทำอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องวางแผนการใช้งบประมาณก่อสร้างและดูแลรักษาระยะยาวจำนวนมหาศาล
นอกจากนี้ การที่คลองชองเกชอนเป็นระดับตำนานได้ ก็เพราะความจริงจังอยากให้เกิดขึ้นจริง มีการรับฟังความเห็นของประชาชนถึง 4,200 ครั้ง ผศ.ดร.นิรมล จึงถามเพิ่มอีก 3 ข้อ
- โครงการจะออกแบบให้ทุกกลุ่มไปใช้อย่างปลอดภัยได้อย่างไร เพราะข้อมูลการออกแบบให้มีทางเดินข้าม 17 จุด แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา หากยังศึกษาไม่เสร็จ ทำไมต้องรีบสร้าง แล้วประชาชนจะไปใช้สวนโดยไม่กระทบการจราจรไม่ติดขัดได้อย่างไร
- โครงการคลองช่องนนทรี ตั้งบนพื้นที่แนวรถไฟฟ้าสายสีเทาช่วงที่สอง ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และแนวรถไฟฟ้าจะวิ่งข้างคลองนี้ โดยบริษัทที่รับผิดชอบออกแบบเสนอให้ไม่มีการปักเสาลงในคลอง ดังนั้น เมื่อดำเนินการสร้างรถไฟฟ้าสายเทาแล้วจะต้องมีการรื้อสวน 980 ล้านออกไปด้วยหรือไม่ ทำไมไม่รอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทำสวน
- สวนสาธารณะถือเป็นบริการด้านสุขภาพที่มีหลักการออกแบบสากลอยู่ คือที่ตั้งต้องเข้าถึงโดยประชาชนทุกกลุ่มโดยง่าย ต้องมีอากาศดี มีขนาดเพียงพอ แต่โครงการนี้ตั้งบนถนนนราธิวาสที่มีรถหนาแน่นสูง นอกจากข้ามไปใช้ได้ยากแล้ว อากาศในสวนจะเต็มไปกลิ่นคลองเน่าและควันพิษจากมลภาวะรถยนต์ แม้ภูมิสถาปนิกจะพยายามออกแบบด้วยการให้มีต้นไม้กรองควันพิษเป็นบัฟเฟอร์ แต่คลองกว้างแค่ 15 เมตร ขนาบด้วยถนนจะพอหรือไม่ ถ้าโครงการนี้ถ้าเป็นวิทยานิพนธ์คงตกตั้งแต่หัวข้อไม่มีทางรอดไปถึงดีเฟนด์แน่นอน
ต่อมา จิระเดช รอง ผอ. สำนักการโยธา กทม. เป็นผู้ตอบคำถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์โครงการว่า ไม่ได้อยากเทียบกับคลองชองเกชอน แต่ชื่อมันคล้องจองจึงหยิบมาเป็นไฮไลท์ แต่กายภาพเทียบกันไม่ได้ คลองชองเกชอนมีระดับสูงต่ำ แต่กรุงเทพมีลักษณะพื้นที่ราบลุ่มและสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเลเล็กน้อย ขุดลึกไม่ได้ มีแต่เลน ดินจะสไลด์ลงมา การสร้างเสาค้ำจะทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ขุดได้ลึกอีกเมตรครึ่ง เมื่อคลองลึกขึ้นและบรรจุน้ำได้มากขึ้น น้ำจะใสขึ้น
ขณะนี้ กำลังศึกษาจุดข้ามและทางเข้า ซึ่งที่ระบุว่ามี 17 จุดเป็นการกำหนดปริมาณงานในสัญญา แต่การบริหารสัญญาจะเบิกเงินตามหน่วยที่มีการสร้างจริง และเมื่อทำจริงทางข้ามอาจจะเหลือ 5 หรือ 7 จุดก็ได้ ส่วนการเข้าสวนก็เข้าได้หลายทาง เช่น สกายวอล์ก หรือ BRT ผู้พิการและสูงอายุจะจัดทำทางม้าลายคนเดินข้าม เพื่อการออกแบบสำหรับทุกคน มีการออกแบบสัญญาณไฟจราจรโดยไม่กระทบกับการจราจรมากนัก
ด้าน สมศักดิ์ ผอ.สำนักการระบายน้ำ ระบุว่า จะยังคงใช้เป็นแก้มลิง โดยจะมีการคุมระดับน้ำให้คงที่ตลอด เพื่อให้รับน้ำฝนได้ ที่ผ่านมา พอหน้าแล้ง มองเห็นเลน ก็ส่งกลิ่นเหม็น ก็จะเอาน้ำที่บำบัดแล้วจากโรงบำบัดน้ำเสียช่องนนทรีมาระบายไว้ตรงนี้
หลังได้รับฟังคำชี้แจง ผศ.ดร. นิรมล โต้ว่า วิธีการใช้งานสวนนี้เหมือนต้องตะเกียกตะกายไปใช้เพื่อไปนั่งดมฝุ่น หากไปดูสวนธารณะลานเรือโบราณยานนาวาที่ กทม. ปรับปรุงพื้นที่เกาะกลางไว้เสร็จแล้ว แต่ในความเป็นจริง คนไม่สามารถเข้าไปใช้งานได้เลย คนในพื้นที่มองว่ามันคือความสูญเปล่า สุดท้ายแล้วโครงการนี้จึงเหมือนวัวพันหลัก จะเป็นแก้มลิงหรือไม่ก็ตอบได้ไม่ชัด การเข้าไปใช้ก็ยากมาก หรือข้ามไปสำเร็จแล้วถามว่าจะนั่งได้นานแค่ไหน ทั้งฝุ่นควัน ทั้งความร้อน
“เคยอ่านในประชาสัมพันธ์บอกว่าอยากให้คนทำงานสีลมตอนเที่ยงไปนั่งกินกาแฟกลางถนน ต้องบอกว่า คิดเป็นนิยายฟิคชั่น จึงอยากให้นักออกแบบมาเดินถนนกันบ้าง ไม่ใช่ออกแบบในจินตนาการของตัวเอง ถ้าพนักงานออฟฟิศมีเวลาสักชั่วโมง เขาไม่เลือกมานั่งกลางถนนตากฝุ่นแบบนี้ เขาคงไปนั่งทานกาแฟที่ห้างรับแอร์เย็นๆ ดีกว่า นี่คือคำถามว่า ความคุ้มค่าของงบประมาณจะเกิดประโยน์จริงหรือเปล่า”
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ทั้งเรื่องการสร้างไปแล้วค่อยศึกษาออกแบบทีหลัง แผนการสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทากับโครงการคลองช่องนนทรีที่ยังขัดกัน รวมถึงเรื่องงบประมาณการบริหารจัดการน้ำ
ด้วยเหตุนี้ สุรเชษฐ์ ย้ำว่า ต้องการคำตอบจาก กทม.ใน 7 คำถามหลัก
1. จุดประสงค์ของการดำเนินโครงการนี้คืออะไร
2. จะยังมีฟังก์ชันเป็นแก้มลิงป้องกันน้ำท่วมอยู่หรือไม่ 3. ประชาชนจะเข้าถึงสวนอย่างปลอดภัยอย่างไรและจะให้เกิดความติดขัดของการจราจรหรือไม่ 4. จะบำบัดน้ำเสียในคลองช่องนนทรีอย่างไร 5. ทำไมถึงต้องเร่งรีบทำโครงการในช่วงใกล้จะเลือกตั้งผู้ว่า กทม. 6. ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านแล้วหรือไม่ 7. การจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใสแค่ไหน ทำไมถึงเป็นเจ้าเดียวกันหมดในการออกแบบโครงการพัฒนาภูมิทัศน์ของ กทม.
แม้บางคำถามได้ตอบแล้ว แต่ยังเหลืออีกหลายคำถาม และบางคำถามเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งต้องการข้อมูลมากกว่านี้ รวมถึงคิดว่า พล.ต.อ.อัศวิน ควรจะมาเป็นผู้ตอบคำถามด้วยตัวเอง จึงขอนัดประชุมเพื่อขอรับคำชี้แจงจาก กทม. ในเรื่องนี้อีกครั้ง ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ กทม.ตอบให้ชัดเจนขึ้น พร้อมกับมีข้อมูลตอบให้ตรงประเด็น ความชัดเจนและรวดเร็วขึ้นกว่านี้
ทั้งนี้ ทาง อนุ กมธ. ยังขอให้ กทม. เตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอรายละเอียดส่งมาให้ ได้แก่ รายละเอียดงานระบบวิศวกรรม ทั้งแบบก่อสร้างและรายละเอียดการคำนวนแนวทางบำบัดน้ำและการดูแลรักษาระบบระยะยาว ระบบติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยของประชาชน รายละเอียดการคำนวนระบบการจัดการน้ำในภาพรวมเพื่อประเมินว่าจะยังเป็นแก้มลิงได้อยู่หรือไม่ การทับซ้อนแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทาจะแก้ปัญหาอย่างไร และผลการศึกษาฝุ่นควันและมลภาวะของโครงการ