รายงาน EEC ฉบับขายฝัน กระจุกผลประโยชน์เพื่อนายทุนใหญ่และกองทัพ แต่ไม่นับรวมประชาชนอยู่ในนั้น
“เราต้องตระหนักว่า..
ไม่ควรแลกเศรษฐกิจกับการลงทุนและทุนผูกขาดเพียงอย่างเดียว
ไม่ควรแลกเศรษฐกิจกับความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เราไม่ควรแลกทรัพยากรทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่เรามีไปให้กับกองทัพเพียงเท่านั้น
เราไม่ควรจะมอบเศรษฐกิจทั้งหมดในภาคตะวันออกกับคุณภาพชีวิตของผู้คน
เราไม่ควรยอมเป็นเบี้ยล่างทางเศรษฐกิจหรืออยู่ในสภาพกึ่งอาณานิคมของนายทุนขุนศึกในภาคตะวันออก
แต่ …เราจะเห็นว่าการลงทุนใน EEC ครั้งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ดอกผลของการพัฒนาไม่ได้กระจายไปยังประชาชนอย่างแท้จริง แต่กลับกระจุกอยู่กับนายทุนใหญ่และกองทัพเพียงเท่านั้น”
เบญจา แสงจันทร์ อภิปราย รายงานประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC โดยยืนยันว่า นี่เป็นเพียงรายงานฉบับขายฝันเท่านั้น ขณะที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่มีประชาชนอยู่ในนั้น
ภายใต้โครงการขนาดใหญ่ของ EEC มีเรื่องราวเหล่านี้เป็นฉากหลัง
- โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบิน – ไล่รื้อ ย้าย ยึด บ้านของประชาชนที่เคยอยู่อาศัยมาหลายชั่วคนไปแล้วทั้งหมด แต่ไม่เคยระบุถึงความช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชย หรือกระทั่งไม่มีกล่าวถึงในรายงานฉบับนี้
- โครงการถมทะเลมาบตาพุดหนึ่งพันไร่ – คือโครงการของ 2 บรรษัทพลังงานยักษ์ใหญ่มาร่วมกันลงทุน แต่ไม่มีรายงานว่าได้ทำตามกฎหมายเกี่ยวกับผังเมือง กฎหมายเกี่ยวกับการถมทะเล การสำรวจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหรือ EIA รวมถึงกฎหมายปกติอื่นหรือไม่ แต่โครงการนี้มีกระทบกระทบต่อผู้คนในพื้นที่จำนวนมาก แย่งชิงทรัพยากรทางทะเล และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล
- โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา – จากสนามบินทหารสู่เมืองมหานครการบินภาคตัวออก ซึ่งมาพร้อมข้อกังขาในการประมูล ส่งมอบพื้นที่และการออกแบบผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
ยังมีอีกหลายโครงการใน EEC ที่ส่งผลกระทบมีมากมายต่อคนในพื้นที่ไม่ว่าการแย่งชิงทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
“ดอกผลของการพัฒนาควรตกถึงประชาชนอย่างแท้จริง จะทำอย่างไรให้รายได้ที่เกิดจากเม็ดเงินการลงทุนในพื้นที่จะไม่กลายเป็นเพียงเงินทุนที่ส่งกลับไปยังประเทศต้นทางของบริษัทที่เข้ามาลงทุน หรือส่งต่อไปที่ทุนผูกขาดไม่กี่เจ้าและกองทัพเพียงเท่านั้น
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะฟังเสียงของประชาชน ประชาชนเพียงต้องการความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ความมั่นคงในอาหาร ความมั่นคงในระบบนิเวศ ประชาชนเพียงต้องการเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาที่เท่าเทียม โอกาสทางสังคมที่เท่าเทียม และการประกอบอาชีพที่รายได้และสวัสดิการสังคมที่เท่าเทียม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องนับรวมพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศนี้ร่วมกันด้วย”
