งบ 66 คือรวบยอด 4 ปีแห่งความสิ้นหวังจากรัฐบาลประยุทธ์
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปราย พ.ร.บ. งบประมาณ 66 กล่าวถึงผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ที่มักบอกว่าแต่ละปีตัวเองได้ทำอะไรไปแล้วหรือมีอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่ไม่เคยพูดถึง คือการนำสิ่งเหล่านั้นมาเทียบกับเป้าหมายหรือตัวชี้วัด ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งหากมีการยกมาเทียบกับตัวชี้วัดต่างที่รัฐบาลตั้งขึ้นเอง เช่น บอกว่าเพิ่มรางรถไฟได้ 200 กิโลเมตร แต่ความจริงเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 1,000 กิโลเมตร แบบนี้ต้องเรียกว่าพลาดเป้า ซึ่งมีหลายโครงการเป็นแบบนี้ จะพบว่า 3 ปีงบประมาณที่ผ่านมา แทบไม่มีอะไรเข้าเป้าเลย
“เราพบว่า รัฐมนตรีหลายท่านชี้แจง แบบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่โควิด และสงคราม หลายท่านพูดถึงปัญหาค่าครองชีพ ของแพง น้ำมันแพง ปุ๋ยแพง เงินเฟ้อ ท่านรัฐมนตรีบอก อ๋อออ มันเป็นเพราะสงคราม มันเป็นกันทั่วโลก พอราคาสินค้าเกษตรหลายราคาขึ้น ทั้งยาง ปาล์ม ข้าวโพด ก็บอกว่า อ๋อออ เป็นผลงานของผมเอง”
นอกจากนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย ศิริกัญญายังได้เปิดภาพกลุ่มไลน์ ชื่อกลุ่มว่า “ที่ปรึกษา รมช. สธ.” ซึ่งมีจำนวนสมาชิก 37 คน ซึ่งในภาพกลุ่มไลน์ดังกล่าวได้ปรากฏชื่อ “satit” พิมพ์ข้อความลงกลุ่มไลน์ว่า “นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายเรื่องงบประมาณ แล้วอัดว่าบำนาญเป็นตัวปัญหาของการพัฒนาประเทศ แล้วมันไม่บอกว่าข้าราชการแต่ละคนกว่าจะได้รับบำนาญ ต้องทำงานด้วยค่าตอบแทนต่ำเตี้ยมากี่ปี แต่พวก ส.ส. ทำไม่กี่ปีก็ได้บำนาญเหมือนข้าราชการด้วย จงจำไว้ว่าพรรคนี้ถ้าได้เข้ามาบริหารประเทศ ข้าราชการบำนาญทั้งประเทศเดือดร้อนแน่”
ศิริกัญญา ย้ำว่า งบบุคลากรรวมถึงผูกพันข้ามปีต่างๆเป็นเรื่องตัดไม่ได้อยู่แล้ว และพรรคก้าวไกลไม่เคยพูด รวมถึงไม่มีนโยบายที่จะปรับลดบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ อย่างที่กำลังมีเฟคนิวส์ส่งกันไปทั่วในขณะนี้ ขอประชาชนอย่าเชื่อเฟคนิวส์
สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางการคลังนั้น ยังทำได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บรายได้ตัวใหม่ๆ ที่ไม่ได้กระทบกับคนส่วนใหญ่ เช่น ภาษีทรัพย์สิน การปฏิรูปกองทัพ ลดกำลังคน ลดหน่วยงานที่หมดความจำเป็น ปรับโครงสร้างหนี้ ก่อหนี้ใหม่และภาระผูกพันอย่างระมัดระวัง
“งบปี 66 สรุปรวบยอด 4 ปีแห่งความสิ้นหวังของงบประมาณแผ่นดินในยุคสมัยของพล.อ.ประยุทธ์ เต็มไปด้วยเบี้ยหัวแตก งบแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่ตอบโจทย์เฉพาะหน้า และโจทย์ระยะยาวของประเทศ ถึงจะไม่เอาโจทย์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง”
ศิริกัญญา กล่าวทิ้งท้าย
“เมื่อสักครู่ท่านนายกก็พูดเองว่าอยากยุติความขัดแย้ง อยากประชาชนร่วมมือกัน ง่ายที่สุดคือแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเลือกตั้ง ถ้าท่านมั่นใจว่าสิ่งที่ท่านทำมานั้นถูกต้องชอบธรรม ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินท่านผ่านคูหาเลือกตั้ง”
