หยุดการรวมศูนย์ ล็อกสเปก การศึกษาควรปกป้องเสรีภาพและโอบรับความหลากหลายของผู้เรียน
พรรคก้าวไกลเราเชื่อว่าการศึกษาที่ดี คือการศึกษาที่เท่าทันกับโลกอนาคต มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง คุ้มครองเสรีภาพในการเรียนรู้ โอบรับความหลากหลายของผู้เรียน และกระจายอำนาจให้ใกล้ชิดสถานศึกษา-ครู-นักเรียน
ในช่วงวันที่ 10-11 มกราคมนี้ (วันนี้และพรุ่งนี้) ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเป็นเสมือนรัฐธรรมนูญของระบบการศึกษาของประเทศ จะกลับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 2-3 หลังจากที่พรรคก้าวไกลเป็นเสียงข้างน้อยในการลงมติไม่รับหลักการของร่างดังกล่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564
แม้ในชั้นกรรมาธิการ บางประเด็นได้ถูกปรับปรุงแก้ไขไปในทิศทางที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง (เช่น การเพิ่มผู้แทนนักเรียนในคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ School Board) แต่ยังมีหลายประเด็นที่ตอกย้ำปัญหาเดิม ๆ ที่ฉุดรั้งความก้าวหน้าของการศึกษาไทยมาตลอด เช่น
- การล็อกสเปกเป้าหมายของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัยอย่างละเอียดยิบ ว่าจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง (มากกว่า 100 ข้อ) ด้วยกรอบที่มองว่าเด็กทุกคนในวัยเดียวกัน ต้องเป็นเหมือนกัน โดยไม่คำนึงถึงพัฒนาการและความสนใจที่แตกต่างหลากหลายของเด็กแต่ละคน หรือรับประกันความคล่องตัวของระบบการศึกษาให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ( มาตรา 8 )
- การรวมศูนย์อำนาจแทบทั้งหมดไว้ที่ “คณะกรรมการสถานศึกษาแห่งชาติ” หรือ Super Board ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากระบบราชการเป็นหลัก ไม่มีตัวแทนจากนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียสำคัญ โดย Super Board มีช่องทางในการแทรกแซงการบริหารจัดการเรียนการสอนในรายละเอียดที่ลึกกว่าเพียงการออกแบบนโยบายภาพรวม (มาตรา 88-96 และอีกหลายมาตรา)
- การวางหลักประกันด้านสิทธิ-เสรีภาพ-สวัสดิภาพ ที่ยังคลุมเครือและเสี่ยงจะไม่รัดกุมเพียงพอ ทั้งการคุ้มครองเสรีภาพของสถานศึกษาในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน การปกป้องผู้เรียนในการได้รับการศึกษาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ และการสนับสนุนบุคลากรทางการศึกษาอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการของพรรคก้าวไกล จะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันข้อเสนอเพื่อปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สู่การพิจารณาของรัฐสภา
จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันจับตาการพิจารณากฎหมายดังกล่าว และส่งเสียงบอกผู้แทนของท่านให้ทราบว่าประชาชนต้องการเห็นกฎหมายที่จะทำให้การศึกษาไทยกระตุ้นการพัฒนาประเทศ ไม่ใช่กฎหมายที่ฉุดรั้งอนาคตของลูกหลานเรา